ต้อน2.5แสนรายเข้าระบบภาษี ถึงคิว‘แว่นตา-ทัวร์-เสื้อผ้า-ร้านอาหาร’

04 ม.ค. 2560 | 10:00 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ม.ค. 2560 | 17:59 น.
“ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ถึงนโยบายภาษีในปี 2560 โดยยังมั่นใจว่าการจัดเก็บรายได้ประจำปีงบประมาณ 2560 จะสูงกว่าประมาณการ เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น พร้อมดำเนินนโยบายขยายฐานภาษี ต้อนร้านค้าราย่อยเข้าสู่ระบบภาษี และ อุดช่องโหว่รอยรั่วภาษี

ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 สิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 กรมสรรพากร จัดเก็บภาษีได้ 2.37 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการเล็กน้อย 0.3% ขณะที่เป้าหมายหมายทั้งปีอยู่ที่ 1.867 ล้านล้านบาท

“สถานการณ์เศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2557 ที่ย่ำแย่ ขณะที่ปี 2558 และปี 2559 สถานการณ์เริ่มปรับตัวในทิศทางดีขึ้นดังนั้นเมื่อผ่าน 3 ปีที่ถือเป็นปีแห่งวิกฤติมาได้ ดังนั้นการจัดเก็บรายได้ในปีภาษี 2560 ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป”

นอกจากนี้นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เน้นพึ่งพาตนเอง การจัดสรรงบประมาณลงในกลุ่มคลัสเตอร์จังหวัด งบกลางปีลงท้องถิ่น รวมกันกว่า 1.9 แสนล้านบาท และการประกาศให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการลงทุน ซึ่งทำให้มีเงินหมุนเวียนและการจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้น

 ขยายฐาน-อุดรูรั่วต่อเนื่อง

มาตรการขยายฐานภาษีที่จะเร่งดำเนินการในปีนี้ คือ ร้านค้าเล็กๆข้างถนนที่มีเป็นจำนวนมากให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 250,000 ร้านค้า ที่ยังอยู่ในรูปบุคคลธรรมดา เช่น ร้านแว่นตา ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายเสื้อผ้า และครอบคลุมถึงธุรกิจทัวร์ โรงแรม ธุรกิจร้านนวด-สปา ร้านเสริมความงาม ธุรกิจรถนำเที่ยว ล้วนแต่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น

ส่วนกลุ่มร้านทอง ที่มีทั้งร้านขายส่ง ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และร้านค้าปลีก ที่มีอยู่ประมาณ 7,580 ร้านค้า โดยส่วนใหญ่ 7,400 ร้าน เป็นร้านค้าทองปลีก หรือ ร้านทองตู้แดง คาดว่าต้นปี 2560 จะมีร้านทองยื่นจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลไม่ต่ำกว่า 70%

พร้อมกันนี้กรมสรรพากรได้ประสานไปยังกระทรวงมหาดไทยว่า กรณีกลุ่มธุรกิจผู้ค้าทองเก่า หากต้องการที่จะเปลี่ยนเป็นนิติบุคคล ขอให้แจ้งยกเลิกการค้าของเก่าที่เดิมที่จดทะเบียนบุคคลธรรมดา หลังจากนั้นใช้เวลาไม่เกิน 60 วัน
กรมสรรพากรจะโฟกัสเป็นพิเศษคือธุรกิจร้านขายยา ที่คาดว่าทั้งระบบมีประมาณ 2-3 หมื่นแห่ง ให้เข้าสู่ระบบภาษี ล่าสุดกรมสรรพากร ได้ทำคู่มือ “ธุรกิจก้าวหน้า ร้านขายยาสู่สากล” เพื่อให้ความรู้แก่ร้านขายยาทั่วประเทศแล้ว

นโยบายจูงใจให้ธุรกิจเข้าสู่ระบบ กรมสรรพากรจะต้องชี้แจงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะมีผลโดยตรงต่อผู้ประกอบการ การได้ประโยชน์จากอัตราภาษีเมื่อเข้าสู่ระบบ การเข้าถึงระบบอีเพย์เมนท์ที่ช่วยลดต้นทุน และแนวทางอนุมัติสินเชื่อรูปแบบใหม่ปี 2562 ที่ต้องใช้งบการเงินบัญชีเดียวเท่านั้น

 IHQดึงทุนไทยกลับบ้าน

ส่วนความคืบหน้ามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ(IHQ) และศูนย์ทดสอบ (Testing Center) คือกลุ่มเป้าหมายหลักที่กรมสรรพากรต้องการให้นักลงทุนไทยที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศกลับมาลงทุนภายในประเทศ และนิยมไปตั้งสำนักงานในสิงคโปร์นั้น ขณะนี้มีหลายบริษัททั้งไทยและต่างประเทศ ติดต่อมาขอตั้งIHQ ในประเทศไทย

"มีบริษัทที่เคยไปตั้งอยู่ในต่างประเทศติดต่อกลับมา เพื่อจะใช้สิทธิประโยชน์จาก IHQ โดยยื่นขอจดมาแล้วกว่า 80 บริษัท มีหลายบริษัทของไทยติดต่อกลับมาไม่ว่าจะเป็น ปตท. หรือ ปูนซิเมนต์ไทย จากญี่ปุ่นก็มาติดต่อหลายบริษัท"

 แก้กฎหมายลงบัญชีเงินตปท.

ในด้านการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ส่งออก กรมสรรพากรอยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมายการลงบัญชีให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งเดิมผู้ส่งออกจะต้องลงบัญชีเป็นเงินบาท ก็แก้ไขให้ลงบัญชีเป็นสกุลเงินต่างประเทศได้ ซึ่งขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างเสนอเพื่อให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา การแก้ไขครั้งนี้จะช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคการส่งออกได้ตรงจุด

นอกจากนี้การอำนวยความสะดวกแก่ภาคสังคม เช่น การออกมาตรการส่งเสริมและการจ้างคนพิการ-จ้างงานผู้สูงอายุ สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่นำไปสู่การออกกฏหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สังคมหรือในเชิงการศึกษา

tp12-3223-c  อุดช่องภาษีรั่ว-เข้มโกงภาษี

“รูรั่วเดิมๆจำเป็นต้องเร่งสะสาง เช่น โรงเรียนกวดวิชา หรือภาษีคณะบุคคล ที่ขณะนี้ได้ปิดหรืออุดรูรั่วไปแล้ว ส่วนนโยบายการเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ยังเดินหน้าตรวจสอบธุรกิจที่มีการหลบเลี่ยงภาษีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ที่มีการสัมนาร่วมกับสมาคมโรงแรมและสมาคมทัวร์ ส่งเสริมให้ธุรกิจเหล่านี้เข้ามาสู่ระบบที่ถูกต้อง”

สำหรับปัญหาการซื้อขายใบกำกับภาษีปลอม การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเท็จ แม้กรมสรรพากรดำเนินการตรวจจับอย่างเด็ดขาด แต่ก็ยังมีการโกงภาษีเป็นระยะๆ ระบบจะตรวจพบตั้งแต่ขั้นตอนยื่นเอกสาร และจะสั่งระงับการคืนเงินในทันทีก ก่อนจะตรวจอสบและดำเนินคดีทางกฎหมาย

ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเข้าไปอยู่ในกระบวนการหรือมีส่วนรู้เห็นการกระทำผิดนั้นขณะนี้เรื่องได้ดำเนินการส่งไปยังกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นกระบวนการพิจารณาจึงขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยกระบวนการทางกระทรวงการคลังจะตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงซึ่ง มีตั้งแต่ระดับซี 9 ขึ้นไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,223 วันที่ 1 - 4 มกราคม 2560