ผลประชุม GBC วันแรก 'รองเสนาธิการทหาร' เผยสัญญาณดี ถกเต็มคณะ-วาระใหญ่พรุ่งนี้

24 ธ.ค. 2568 | 12:59 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ธ.ค. 2568 | 13:37 น.

"พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร" เผยผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชาวันแรกราบรื่น ชี้เป็นสัญญาณบวกหลังถกฝ่ายเลขาฯ เร่งกำหนดวาระประชุมเต็มคณะพรุ่งนี้ 9 โมงเช้า ย้ำบางเรื่องยังเปิดเผยไม่ได้เกรงกระทบงาน

KEY

POINTS

  • การประชุม GBC วันแรกเป็นการหารือระหว่างฝ่ายเลขานุการของไทยและกัมพูชา เพื่อกำหนดวาระสำหรับการประชุมเต็มคณะในวันถัดไป
  • รองเสนาธิการทหารเปิดเผยว่าบรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเจรจา
  • การประชุมเต็มคณะอย่างเป็นทางการเพื่อหารือในวาระสำคัญต่างๆ จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ (25 ธ.ค. 68)
  • ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดจุดยืนของทั้งสองฝ่าย โดยจะแถลงผลอีกครั้งหลังการประชุมเสร็จสิ้น

พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร เปิดเผยภายหลังการพบปะหารือในวันแรกของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระหว่างไทยและกัมพูชา ที่จังหวัดจันทบุรี วันแรก โดยระบุว่าการหารือในวันนี้เป็นการพบปะกับฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝั่งกัมพูชา เพื่อร่วมกันกำหนดวาระและประเด็นสำคัญที่จะนำเข้าสู่การประชุมอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (25ธ.ค.68)

ในการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้มีการชี้แจงจุดยืนและรายละเอียดในส่วนของประเทศตนให้ได้รับทราบ และมีการตกลงกันว่าการประชุมเต็มคณะจะเริ่มขึ้นในเวลา 09.00 น. ของวันพรุ่งนี้ ณ สถานที่เดิม โดยคาดว่าทางกัมพูชาจะส่งคณะผู้แทนมาเข้าร่วมแบบเต็มคณะ

พล.อ.ณัฐพงษ์ ระบุเสริมว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เนื่องจากตนและผู้แทนฝั่งกัมพูชาเคยร่วมงานกันมาหลายครั้งในการประชุม GBC ครั้งก่อนๆ ทั้งที่ประเทศมาเลเซียและเกาะกง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับจุดยืนของทั้งสองฝ่ายนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้ในขณะนี้ โดยให้เหตุผลว่า "เรื่องบางเรื่องไม่สามารถพูดไปได้ก่อน เพราะจะทำให้การทำงานยากขึ้น"

ทั้งนี้ พล.อ.ณัฐพงษ์ มองว่าการพบปะและสัญญาณจากทางกัมพูชาในวันแรกนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีและน่าพอใจ โดยความคืบหน้าและผลการเจรจาในประเด็นต่างๆ จะมีการสรุปและแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้งหลังการประชุมเต็มคณะในวันพรุ่งนี้

กองทัพบกยึดคืนพื้นที่อธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชาสำเร็จ 2 จุด พร้อมโชว์หลักฐานการใช้ทุ่นระเบิดผิดกฎหมายสากล

 

ก่อนหน้านั้น เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ได้แถลงความคืบหน้าสถานการณ์การปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในเขตความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังบูรพา ซึ่งมีการสู้รบอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

พ.อ.ริชฌา เปิดเผยว่า ปัจจุบันไทยสามารถควบคุมพื้นที่ที่เคยถูกลุกล้ำอธิปไตยคืนได้สำเร็จแล้ว 2 พื้นที่ ได้แก่ บริเวณ บ้านคลองแผง อำเภออรัญประเทศ และบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ขณะที่บริเวณบ้านหนองจานสามารถควบคุมพื้นที่ได้แล้วบางส่วน แต่ยังคงมีการรบปะทะกันอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 แม้จะมีพื้นที่ที่ควบคุมได้เพิ่มมากขึ้น แต่ในจุดสำคัญอย่างภูมะเขือและห้วยตาเรียยังคงมีการยิงปะทะและถูกโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ประเด็นสำคัญจากการตรวจสอบพื้นที่ที่ควบคุมได้แล้ว กองทัพบกพบหลักฐานสำคัญคือ การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN2 ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention)อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ยังตรวจพบการดัดแปลงระเบิดแสวงเครื่องจำนวนมากบริเวณปราสาทตาควายและเนิน 350 รวมถึงการนำทุ่นระเบิดดักรถถังมาดัดแปลงเพื่อสังหารบุคคล เพื่อเพิ่มอานุภาพทำลายล้าง และการดัดแปลงลูกระเบิดคอ (มอร์ต้าร์) และ RPG เพื่อใช้โจมตีทหารไทยที่พยายามเข้าควบคุมพื้นที่

พ.อ.ริชฌา เน้นย้ำว่า หลักฐานการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเหล่านี้ถูกพบในทุกพื้นที่ปฏิบัติการ ทั้งในส่วนของกองทัพเรือ กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งพบมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วงรอบการปฏิบัติการในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยกระทรวงการต่างประเทศได้นำหลักฐานเหล่านี้ไปชี้แจงต่อชมนุมนานาชาติ เพื่อยืนยันถึงการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาของฝ่ายตรงข้าม

ในช่วงท้ายของการแถลง รองโฆษกกองทัพบกได้ฝากความห่วงใยถึงประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงพื้นที่สู้รบ และขอให้อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่จัดเตรียมไว้ พร้อมทั้งติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัย