บัสจีนทะลักเข้าไทยกว่าพันคัน ขสมก.จ่อยึดประกัน 300 ล้านหาก‘เบสท์ริน กรุ๊ป’ทิ้งประมูล

20 ธ.ค. 2559 | 12:00 น.
ค่ายรถบัสจีนมาแรง เผยตัวเลข 10 เดือนยอดขอจดทะเบียนขนส่งพุ่ง 1,170 คัน ระบุแบรนด์คิงลองครองแชมป์ ด้านบิ๊กขสมก.ลั่นไม่ห่วง"เบสท์รินกรุ๊ป"ทิ้งเมล์เอ็นจีวี 489 คัน แจงมี 300 ล้านเป็นหลักประกัน

จากการสำรวจของ"ฐานเศรษฐกิจ"พบว่า รถบัสโดยสารจากประเทศจีน กำลังได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการรถบัสท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2559 มียอดจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกแล้วประมาณ 1,170 คัน โดยแบรนด์คิงลอง ที่นำเข้าโดย บริษัท รอยัลดรากอนอิมพอร์ท แอนด์เอ็กซ์พอร์ท จำกัด มียอดจดทะเบียนสูงสุด 736 คัน ลูกค้ารายใหญ่คือ บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด เครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญที่ถูกทางการกวาดล้างไปเมื่อเร็วๆนี้

อันดับ 2 เป็นของ โฟตอนมีจำนวน 243 คัน นำเข้าโดยกลุ่มตันจงกรุ๊ป อันดับ 3 เป็นของซันลอง 188 คัน นำเข้าโดยบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ปฯ (BESTLIN GROUP) มีลูกค้าทั้งบริษัท ขนส่ง จำกัด หนุ่มสาวทัวร์ สมบัติทัวร์ นครชัยแอร์ ก่อนหน้านี้ เบสท์รินกรุ๊ป ยังเคยเป็นผู้นำเข้ารถบัสโดยสารแบรนด์โกลเด้นดราก้อน ซึ่งปัจจุบัน ใช้เป็นรถโดยสารปรับอากาศสาย 554 สีเหลือง เชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิ-รังสิต และรถชัตเตอร์บัสหรือรถเวียนสีขาว เชื่อมบัสเทอร์มินัลกับอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ

นายจิระเดช ห้วยหงษ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท หงส์ทองเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้ประกอบการรถบัสโดยสารรายใหญ่ เผยว่า ปัจจุบัน รถบัสโดยสารจีนได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากเป็นการเข้ามาจำหน่ายทั้งคัน ซึ่งแตกต่างจากรถบัสที่ประกอบขึ้นภายในประเทศแถบบ้านโป่ง ราชบุรี ที่ต่อเติมตัวถังบนแชสซีส์รถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว จึงเป็นการผลิตแบบตกแต่งมากกว่า การผลิตที่ได้รับมาตรฐานแบบโรงานอุตสาหกรรมรถยนต์จริงๆ ที่มีการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน ตั้งแต่คุณภาพของเนื้อเหล็ก ระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน คุณภาพของเบาะที่นั่ง-ผ้าม่าน ที่ไม่ติดไฟง่าย ทำให้รถบัสโดยสารที่นำเข้าจากประเทศจีนได้รับนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากลูกค้าให้การยอมรับในมาตรฐานการผลิตที่นำเข้ามาทั้งคันจากผู้ผลิตชั้นนำในต่างประเทศ ปัจจุบัน บริษัทใช้รถแบรนด์โกลเด้นดราก้อน และซันลอง ใช้มานานถึง 10 ปีก็ยังไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งหากผู้ประกอบไทยสามารถประกอบรถบัสโดยสารได้มาตรฐานอุตสาหกรรมอย่างรถจีนก็พร้อมจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ดีต่อกรณี ที่ บริษัท เบสท์รินกรุ๊ปจำกัดอาจละทิ้งโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 489 คันหลังเจอค่าปรับภาษีจากกรมศุลกากรเกือบพันล้านบาท นายสุระชัย เอี่ยมวชิระสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เผยว่า ไม่น่าเป็นห่วงเรื่องนี้และต้องรอดูว่าเบสท์รินกรุ๊ปจะสามารถส่งมอบรถได้ทันในวันที่ 29 ธันวาคมนี้หรือไม่

นอกจากนี้พบว่าเบสท์รินยังได้นำเช็คธนาคารไทยพาณิชย์จำนวน 300 ล้านบาทวางเป็นประกันไว้แล้วจึงมั่นใจว่าเบสท์รินไม่ละทิ้งโครงการอย่างแน่นอน อีกทั้งหากส่งมอบรถไม่ทันยังจะต้องโดนปรับอีกเป็นเงินไม่น้อยกว่า 1.6-1.7 หมื่นบาทต่อวันต่อคัน จึงเกิดความเสียหายมาก แต่หากไม่สามารถส่งมอบในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ ขสมก.จะบอกยกเลิกสัญญาด้วยการทำหนังสือเตือน และบอกยกเลิกสัญญาพร้อมริบเงินประกัน ก่อนที่จะเสนอครม.ยกเลิกประมูลโครงการเพื่อเริ่มนำออกประมูลจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 489 คันรอบใหม่ต่อไป

"เงินประกัน 300 ล้านบาทขณะนี้อยู่ในมือขสมก.เรียบร้อยแล้ว ทั้งมีค่าปรับจากการเสียโอกาสทางธุรกิจ และอื่นๆอีก 2-3 รายการ ซึ่งหากมีการเปิดประมูลรอบใหม่ หรือเบสท์รินกรุ๊ปจะเสนอบริษัทในกลุ่มรายอื่น ๆ ที่ไม่ใช่บริษัทซุปเปอร์ซาร่า จำกัด เข้ามาร่วมก็ยังสามารถทำได้ เช่น กรณีที่ขสมก.จะเปิดประมูลจัดหารถเมล์ไฟฟ้า 200 คันในเร็วๆนี้ แต่คงต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกให้รอบคอบมากกว่าการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันอย่างแน่นอน" ผอ.ขสมก.กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,219 วันที่ 18-21 ธันวาคม 2559