KEY
POINTS
“ฐานเศรษฐกิจ” ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ดำเนินการสรรหาผู้นำองค์กรที่มีความรู้ ความสามารถและผลงานโดดเด่น เพื่อเป็นต้นแบบให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ครอบคลุมในทุกภาคส่วนทั้งภาคธุรกิจและสังคม เพื่อรับรางวัล The Leadership Awards 2025 ใน 10 สาขา ซึ่งจะมีการมอบรางวัลในงาน “Go Thailand 2026 : Beyond Survival โอกาสไทยในวิกฤต”
หนึ่งในผู้นำองค์กรที่ได้คว้ารางวัล The Leadership Awards 2025 สาขา Financial Innovation Award คือ นายชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ วีบูลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Webull Thailand แพลตฟอร์มการลงทุนดิจิทัลระดับโลกจากสหรัฐฯ ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจและขยายตลาดในประเทศไทย การได้รับรางวัลนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Webull ในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีและการขยายผลิตภัณฑ์การลงทุนสู่ 14 ประเทศ
“Webull ต้องการให้คนไทยเทรดหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นทั่วโลกได้เหมือนนักลงทุนต่างชาติ พร้อมให้บริการด้วยทีมงานคนไทยทั้งหมด โดยการได้รับรางวัลครั้งนี้ช่วยเพิ่มกำลังใจแก่ทีมงานอย่างมาก” นายชลเดช กล่าว
ทิศทางกลยุทธ์ 3-5 ปี : เชื่อมไทยสู่โลก-ดึงของใหม่เข้าประเทศ
สำหรับแผนงานในอนาคต โดยระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นอเมริกาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม AI Webull จึงมีแผนนำบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่จากทั่วโลกเข้ามาให้ผู้ใช้ชาวไทย พร้อมกันกับอีก 14 ประเทศที่บริษัทดำเนินงานอยู่ อาทิ สหรัฐฯ, แคนาดา, เม็กซิโก, บราซิล, อังกฤษ, เนเธอร์แลนด์, แอฟริกาใต้, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และไทย
ขยายสินทรัพย์ทั่วโลกและยกระดับ AUM แตะ 4 หมื่นล้าน
สำหรับเป้าหมายของ Webull คือการตั้งเป้าขยายตัวเลือกสินทรัพย์ไปยังทั่วโลก พร้อมกับการยกระดับฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนไทย เช่น การพัฒนาเทคโนโลยี Market Quote แบบเรียลไทม์สำหรับหุ้นและสัญญาออปชัน รวมถึงการนำโมเดลบริการวางแผนการลงทุนแบบอัตโนมัติ (Robo Advisory) จากพาร์ทเนอร์ชั้นนำในต่างประเทศเข้ามาในแพลตฟอร์ม โดยระยะแรกจะเปิดให้บริการกับลูกค้ากลุ่ม High Net Worth ก่อน
ในปี 2569 Webull จะขยายสู่หุ้นฮ่องกงและจีนเต็มรูปแบบ รวมถึงการเปิดบัญชี TISA ที่จะช่วยให้นักลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากการลงทุนในหุ้นไทย เป้าหมายสำคัญในปี 2569 คือการเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ หรือ AUM (Asset Under Management) ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นไปถึง 40,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ในอนาคตอาจมีการทยอยเพิ่มตลาดอื่น ๆ เช่น กลุ่มประเทศ EU, ญี่ปุ่น หรือคริปโตเคอร์เรนซี ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน
ลงทุนเทคโนโลยี -ความปลอดภัย และ Key Success
นายชลเดช ย้ำว่าเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่เติบโตมากับดิจิทัล โดยใช้เทคโนโลยีเป็นหัวใจหลัก มีทีม R&D รวมราว 500-600 ซอฟต์แวร์เอ็นจิเนียร์ทั่วโลก เพื่อพัฒนาระบบอัตโนมัติและความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล พร้อมเดินหน้าพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
Key success ของ Webull คือการเดินหน้าอย่างชัดเจนในการยกระดับประสบการณ์การลงทุนให้ครอบคลุมนักลงทุนไทย โดยมีการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ทุกไตรมาส และเตรียมเปิดตัวสินทรัพย์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน Webull ยังคงสถานะเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 1* ในประเทศไทย จากคะแนน Rating & Review สูงสุดในหมวด แอปฯ โบรกเกอร์ บน App Store และ Play Store
นอกจากหุ้นสหรัฐฯ แล้ว Webull ได้เปิดให้บริการ Webull Prime สำหรับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ (High Net Worth) ที่มี AUM ตั้งแต่ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นไป และยังเปิดให้เทรดหุ้นไทยได้อย่างเป็นทางการ
หัวใจสำคัญอีกด้าน คือการตั้งค่าคอมมิชชันที่แข่งขันได้ในตลาด ทั้งหุ้นไทยและหุ้นสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนด้วยต้นทุนต่ำ ปัจจุบัน Webull มียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแล้วกว่า 1,000,000 ดาวน์โหลด มีผู้เปิดบัญชีสำเร็จกว่า 300,000 ราย และมียอดมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ประมาณ 6,000 ล้านบาท
นายชลเดช กล่าวถึงมุมมองเศรษฐกิจไทยในปี 2569 ยังเผชิญความไม่แน่นอน ทั้งจาก GDP ที่เติบโตต่ำ และการชะลอตัวของภาคท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ในตลาดหุ้นไทยยังมีหลายอุตสาหกรรมที่กำไรเติบโตต่อเนื่อง ทำให้เงินปันผลมีโอกาสเพิ่มขึ้น หากราคาหุ้นยังไม่ฟื้นก็ยิ่งเป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐานดี โดยหุ้นบางตัวมี Dividend Yield เกิน 6-8% กลุ่มที่มองว่าน่าสนใจเข้าลงทุนคือกลุ่ม defensive เช่น หุ้นธนาคารขนาดใหญ่
รับมือความเสี่ยงด้านความรู้ของนักลงทุน
นายชลเดช ยังกล่าวถึง “ความเสี่ยงที่มองไม่เห็น”นั้นคือการที่นักลงทุนลงทุนในตราสารซับซ้อน เช่น อนุพันธ์หรือออปชันโดยไม่เข้าใจความเสี่ยง ซึ่งมักนำไปสู่การขาดทุนเร็วและมาก Webull จึงให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ควบคู่กับโปรดักต์และค่าคอมมิชชั่นที่แข่งขันได้
ในปี 2569 บริษัทเตรียมเพิ่มระบบความรู้ภายในแอปพลิเคชัน จัดสัมมนาประจำเดือน และจัดงานสัมมนาใหญ่ประจำปี เพื่อยกระดับความรู้ของนักลงทุนไทยอย่างต่อเนื่อง