KEY
POINTS
นายสรวิศ ไกรฤกษ์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นไทยในปี 2568 เผชิญกับความท้าทายจากหลายปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้บรรยากาศการระดมทุนของหุ้นน้องใหม่ (IPO) มีปริมาณที่ลดลง
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการเสนอปรับเกณฑ์หุ้นออกเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) โดยเฉพาะองค์ประกอบบางส่วนที่ต้องปรับเพื่อให้การดำเนินการรวดเร็วมากขึ้น เพื่อจูงใจบริษัทให้เข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น
โดยทางเลขา ก.ล.ต. ก็เคยให้สัมภาษณ์ทางสื่อว่าจะหันมาเปิดเผยข้อมูลในบางส่วนมากขึ้น (Disclosure Check) ซึ่งในความหมายนั้นบางเรื่องอาจใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารน้อยลงและให้มีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็จะช่วยลดระยะเวลาดำเนินการของ IPO ได้
อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมามีหลายบริษัทที่เลือกเข้าไประดมทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ยอมรับว่าทางตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศได้เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยจำนวนมาก แต่ ตลท.จะพยายามที่พูดคุยแนวทางที่จะปรับปรุงอย่างไรโดยเฉพาะกระบวนการ IPO และทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น
แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับบริษัทเอกชนจะเลือกตัดสินใจอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ดี ในตอนนี้พบว่ายังคงมี IPO ที่มีขนาดใหญ่หลายรายที่สนใจเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยอยู่
ส่วนสาเหตุที่ตลาดหุ้นต่างประเทศมีแรงจูงใจให้บริษัทเข้าไปจดทะเบียนมากกว่าตลาดหุ้นไทยนั้น มองว่ามี 3 เหตุผลหลัก ประกอบด้วย
ขณะที่ข้อเสนอจากชมรมวาณิชธนกิจ (IB Club) ในการขอขยายขอบเขตหรือสัดส่วนในเรื่องการจัดสรรหุ้นให้ผู้มีอุปการะคุณและทำให้กระบวนให้หุ้นกับกลุ่มนี้ง่ายขึ้น โดยในรายละเอียดจะมีการพูดคุยกับทาง ก.ล.ต. ว่าจะขยายได้ประมาณเท่าไหร่ เข้าใจว่าสัดส่วนกระจายหุ้นประมาณ 40% ที่ทางประธานชมรม IB Club เสนอมา เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีสัดส่วน 25%
ตลาดต่างประเทศช่วงนี้จะมีศักยภาพที่สูงกว่า ซึ่งถือเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ อีกทั้งตลาดต่างประเทศยังมี Equity ที่สูงและคึกคักว่า รวมทั้งมีขั้นตอนที่เร็วกว่า ดังนั้นสิ่งที่ ตลท.จะทำได้ คือการปรับองค์ประกอบให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต.
สำหรับภาพรวมจำนวนหุ้น IPO ปี 2568 นี้ คาดว่ามีจำนวน 19 บริษัท ซึ่งคิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวมประมาณ 13,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีหุ้น IPO แล้ว 12 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวมประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีหุ้นใหม่ใน mai เข้าจดทะเบียนเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 บริษัท
ส่วนกรณี ตลท. ได้ขยายเวลาเปิดรับสมัครบริษัทเข้าโครงการ Jump+ เป็นวันที่ 31 มีนาคม 2569 จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2568 นั้น มองว่าปัจจุบันบริษัทที่เข้ามาสมัครได้ตามเป้าแล้วเกือบ 100 บริษัทแล้ว แต่สิ่งที่อยากได้เพิ่มคือบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งจากการหารือพบว่าบริษัทเหล่านี้อาจเข้าสมัครไม่ทัน
ดังนั้นแล้ว ตลท. จึงมีการขยายเวลาเปิดรับสมัครเพิ่มเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อยากเข้ามาร่วมโครงการ Jump+ ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมเพิ่ม