ตลท. รุกถก ก.ล.ต. รับศึก IPO ไหลออกนอก เร่งปรับกติกา เพิ่มแรงจูงใจจดทะเบียนไทย

15 ธ.ค. 2568 | 08:16 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ธ.ค. 2568 | 08:16 น.

ตลท. รับอยู่ระหว่างหารือ ก.ล.ต. ปรับเกณฑ์ IPO โดยเน้นลดขั้นตอนและระยะเวลาดำเนินการ หวังเพิ่มแรงจูงใจให้บริษัทเลือกเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ท่ามกลางการแข่งขันจากตลาดต่างประเทศที่มี P/E สูง สภาพคล่องดีกว่า และกระบวนการเร็วกว่า

KEY

POINTS

  • ตลท. กำลังหารือกับ ก.ล.ต. เพื่อหาแนวทางรับมือกับปัญหาบริษัทไทยเลือกไประดมทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศมากขึ้น
  • มีการเสนอให้ปรับปรุงเกณฑ์และกระบวนการอนุมัติ IPO ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจให้บริษัทเข้าจดทะเบียนในไทย
  • สาเหตุที่ตลาดต่างประเทศน่าสนใจกว่ามาจากระดับราคา (P/E) ที่สูงกว่า สภาพคล่องที่ดีกว่า และกระบวนการ IPO ที่ใช้เวลาน้อยกว่า

นายสรวิศ ไกรฤกษ์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นไทยในปี 2568 เผชิญกับความท้าทายจากหลายปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้บรรยากาศการระดมทุนของหุ้นน้องใหม่ (IPO) มีปริมาณที่ลดลง

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการเสนอปรับเกณฑ์หุ้นออกเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) โดยเฉพาะองค์ประกอบบางส่วนที่ต้องปรับเพื่อให้การดำเนินการรวดเร็วมากขึ้น เพื่อจูงใจบริษัทให้เข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น

โดยทางเลขา ก.ล.ต. ก็เคยให้สัมภาษณ์ทางสื่อว่าจะหันมาเปิดเผยข้อมูลในบางส่วนมากขึ้น (Disclosure Check) ซึ่งในความหมายนั้นบางเรื่องอาจใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารน้อยลงและให้มีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็จะช่วยลดระยะเวลาดำเนินการของ IPO ได้

อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมามีหลายบริษัทที่เลือกเข้าไประดมทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ยอมรับว่าทางตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศได้เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยจำนวนมาก แต่ ตลท.จะพยายามที่พูดคุยแนวทางที่จะปรับปรุงอย่างไรโดยเฉพาะกระบวนการ IPO และทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น

แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับบริษัทเอกชนจะเลือกตัดสินใจอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ดี ในตอนนี้พบว่ายังคงมี IPO ที่มีขนาดใหญ่หลายรายที่สนใจเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยอยู่

ส่วนสาเหตุที่ตลาดหุ้นต่างประเทศมีแรงจูงใจให้บริษัทเข้าไปจดทะเบียนมากกว่าตลาดหุ้นไทยนั้น มองว่ามี 3 เหตุผลหลัก ประกอบด้วย

  1. ดัชนีหรือราคาที่ผู้ออกหลักทรัพย์จะได้รับ เนื่องจากตลาดต่างประเทศมีระดับ P/E ที่สูงกว่าตลาดหุ้นไทย
  2. สภาพคล่องของตลาดหุ้น
  3. กระบวนการเข้า IPO ที่สั้นหรือเร็วกว่าของไทย เนื่องจากตามกฎของไทยกระบวนการอนุมัติการเสนอขายหุ้น IPO ของ ก.ล.ต.และ ตลท. จะใช้เวลาดำเนินการรวมประมาณ 120 วัน ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ต่ำกว่าหรือประมาณ 90 วัน

ขณะที่ข้อเสนอจากชมรมวาณิชธนกิจ (IB Club) ในการขอขยายขอบเขตหรือสัดส่วนในเรื่องการจัดสรรหุ้นให้ผู้มีอุปการะคุณและทำให้กระบวนให้หุ้นกับกลุ่มนี้ง่ายขึ้น โดยในรายละเอียดจะมีการพูดคุยกับทาง ก.ล.ต. ว่าจะขยายได้ประมาณเท่าไหร่ เข้าใจว่าสัดส่วนกระจายหุ้นประมาณ 40% ที่ทางประธานชมรม IB Club เสนอมา เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีสัดส่วน 25%

สรวิศ ไกรฤกษ์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

ตลาดต่างประเทศช่วงนี้จะมีศักยภาพที่สูงกว่า ซึ่งถือเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ อีกทั้งตลาดต่างประเทศยังมี Equity ที่สูงและคึกคักว่า รวมทั้งมีขั้นตอนที่เร็วกว่า ดังนั้นสิ่งที่ ตลท.จะทำได้ คือการปรับองค์ประกอบให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต.

สำหรับภาพรวมจำนวนหุ้น IPO ปี 2568 นี้ คาดว่ามีจำนวน 19 บริษัท ซึ่งคิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวมประมาณ 13,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีหุ้น IPO แล้ว 12 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวมประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีหุ้นใหม่ใน mai เข้าจดทะเบียนเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 บริษัท

ส่วนกรณี ตลท. ได้ขยายเวลาเปิดรับสมัครบริษัทเข้าโครงการ Jump+ เป็นวันที่ 31 มีนาคม 2569 จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2568 นั้น มองว่าปัจจุบันบริษัทที่เข้ามาสมัครได้ตามเป้าแล้วเกือบ 100 บริษัทแล้ว แต่สิ่งที่อยากได้เพิ่มคือบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งจากการหารือพบว่าบริษัทเหล่านี้อาจเข้าสมัครไม่ทัน

ดังนั้นแล้ว ตลท. จึงมีการขยายเวลาเปิดรับสมัครเพิ่มเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อยากเข้ามาร่วมโครงการ Jump+ ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมเพิ่ม