KEY
POINTS
นายอัครวิทย์ สุกใส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า แฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AF เปิดมุมมองกับ 'ฐานเศรษฐกิจ' ว่า ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาส 4/2568 มีทิศทางที่เป็นบวก ตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะการใช้จ่ายของประชาชนอย่างโครงการ 'คนละครึ่งพลัส' ซึ่งช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจของไทย และสร้างบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปี
ส่งผลบวกต่อภาคธุรกิจและความมั่นใจของผู้ประกอบการ ทำให้มีการวางแผนรองรับการลงทุนในธุรกิจสำหรับปีต่อไป ทำให้แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อแฟคตอริ่งในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 นี้ ขยายตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจไปด้วย
ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทคาดการปล่อยสินเชื่อแฟคตอริ่งจะเติบโตประมาณ 6% ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ โดยประเมินมูลค่าพอร์ตจะอยู่ที่มากกว่า 18,500 ล้านบาท ซึ่งยังมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน
แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1-2/2568 จะชะลอตัวลงไปบ้าง เนื่องจากอยู่ในช่วงรอประเมินผลการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แต่หลังจากที่เคาะตัวเลขที่ชัดเจนแล้ว ก็เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ จากการที่ภาครัฐออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ทำให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจมากขึ้น
สำหรับภาพรวมในปี 2569 มองว่ายังต้องติดตามความต่อเนื่องของนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะในช่วงที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หากรัฐบาลใหม่เดินหน้าสานต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีอยู่ได้ต่อ จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการลงทุนและการฟื้นตัวของภาคเอกชน
โดยประเมิน GDP ไทยในปี 2569 ไว้ที่ระดับประมาณ 1.6-2.2% โดยเฉลี่ย แต่เชื่อว่าลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจไทย มั่นใจว่าวอลุ่มของทุกผลิตภัณฑ์สินเชื่อของบริษัทจะเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 7% จากปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทจะปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์ เพื่อรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตที่ดี อาทิ กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทน กลุ่มธุรกิจทางการแพทย์กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และ กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์
ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าในปี 2569 จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีกประมาณ 1-2 ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สอดคล้องต่อพฤติกรรมการใช้เงินทุนของผู้ประกอบการไทย
นอกเหนือจากนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจและเปิดโอกาสในการศึกษาการร่วมมือใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพใหม่ๆ เพิ่มเติม ปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างการเจรจา 1 ราย เป็นผู้ให้บริการที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Service Provider) คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนของความร่วมมือกันภายในปี 2569
ส่วนการร่วมมือกับ บริษัท เอ็นอีซี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (NEC Thailand) เปิดตัวแพลตฟอร์ม ดิจิทัลซัพพลายเชนไฟแนนซ์ (Digital Supply Chain Financing Platform) ให้บริการผ่าน "TASConnect" ซึ่งพัฒนาโดย SCV Research and Development PTE. LTD.
ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการขับเคลื่อน Digital Transformation ของอุตสาหกรรมสินเชื่อไทย เพื่อลดความล่าช้าและข้อผิดพลาดที่เกิดจากการใช้เอกสาร รวมทั้งยังช่วยเพิ่มความโปร่งใส ความถูกต้อง และที่สำคัญเป็นการสนับสนุนธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนหมุนเวียนได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันได้เปิดให้ใช้บริการมาแล้วประมาณ 3-4 เดือน และได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี ส่งผลให้มียอดการให้สินเชื่อไปแล้วราว 100 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษํทคาดหวังว่าในปี 2569 ยอดการให้สินเชื่อผ่านแพลต์ฟอร์มดังกล่าวจะสามารถเติบโตได้อีกไม่น้อนกว่า 20%