จ่อฟันซ้ำ “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” Insider หุ้น TKN ไม่ยื่นแบบ 59

29 ต.ค. 2568 | 07:02 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ต.ค. 2568 | 07:02 น.

ตลท. เผย ก.ล.ต. จ่อฟันซ้ำ “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” ไม่ยื่นแบบ 59 ใช้ข้อมูลวงในซื้อหุ้น TKN เพิ่มโทษละเมิดกฎการเปิดเผยข้อมูล สั่นคลอนความเชื่อมั่นตลาดหุ้น

กรณีก.ล.ต.ได้มีคำสั่งดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งต่อบุคคล 5 ราย กรณีซื้อหุ้น บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN โดยอาศัยข้อมูลภายใน บุคคลทั้งห้าประกอบด้วย นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ หรือ “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” นายณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์ นางพนิดา วิริยะกิจนุกูล นางสาวฐิติรัตน์ ภานุวัฒน์วนิชย์ และนายจักรพันธ์ ชาติปรีชา

โดยทั้งหมดถูกลงโทษให้ชำระค่าปรับและเงินชดใช้รวมกว่า 16 ล้านบาท พร้อมทั้งถูกห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียนและบริษัทหลักทรัพย์ในระยะเวลาที่แตกต่างกันไป

ต้นตอของคดีนี้เริ่มจากการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยส่งข้อมูลต้องสงสัยให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ก่อนพบว่า ระหว่างวันที่ 5 สิงหาคม – 9 พฤศจิกายน 2565 มีการซื้อหุ้น TKN โดยอาศัยข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาส 3/2565 ซึ่งมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 179.97 ล้านบาท และการจ่ายเงินปันผลพิเศษ 0.08 บาทต่อหุ้น

ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 แต่มีการซื้อหุ้นผ่านบัญชีของบุคคลอื่นล่วงหน้า ถือเป็นการใช้ข้อมูลภายในเพื่อแสวงหาประโยชน์ (Insider Trading)

อย่างไรก็ตาม เมื่อ “ฐานเศรษฐกิจ” ตรวจสอบข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร หรือ แบบ 59 ของ TKN ในปี 2565 กลับพบว่า มีการยื่นรายงานเพียง 6 ครั้งเท่านั้น ได้แก่

  • 18 ม.ค. 2565 นายอิทธิพัทธ์ ซื้อหุ้น 400,000 หุ้น ราคา 7.25 บาท รวม 2.9 ล้านบาท
  • 19 ม.ค. 2565 นายอิทธิพัทธ์ ซื้อหุ้นอีก 400,000 หุ้น มูลค่าเท่ากัน
  • 4 มี.ค. 2565 นางทิพย์นภา จิตต์แจ้ง ซื้อหุ้น 70,000 หุ้น ราคา 7.80 บาท รวม 546,000 บาท
  • มี.ค. 2565 นางสาวอรพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ขายหุ้น 4,140,000 หุ้น ราคา 8.10 บาท รวม 33.53 ล้านบาท
  • 29 มี.ค. 2565 นายณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์ ขายหุ้น 4,140,000 หุ้น ราคา 8.10 บาท รวม 33.53 ล้านบาท

แต่ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน 2565 ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ ก.ล.ต.พบการซื้อขายหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายใน กลับ ไม่ปรากฏว่ามีการยื่นแบบ 59 แต่อย่างใด

แบบ 59 คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ

“แบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร” หรือ แบบ 59 เป็นกลไกสำคัญด้านธรรมาภิบาลในตลาดทุนไทย กฎหมายกำหนดให้ กรรมการ ผู้บริหาร และผู้สอบบัญชี ของบริษัทจดทะเบียนทุกแห่ง ต้องยื่นรายงานต่อ ก.ล.ต. ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียง 1 หุ้นก็ตาม

การยื่นแบบ 59 ต้องกระทำภายใน 3 วันทำการ นับจากวันที่เกิดการซื้อหรือขายหุ้น เป้าหมายคือสร้างความโปร่งใสให้กับตลาดทุน เปิดเผยต่อสาธารณะว่า ผู้บริหารซึ่งเป็น “คนวงใน” (Insider) ได้เปลี่ยนแปลงการถือหุ้นอย่างไรบ้าง เพราะบุคคลเหล่านี้มักอยู่ใกล้ชิดข้อมูลสำคัญที่อาจมีผลต่อราคาหุ้น หากไม่มีการเปิดเผยย่อมเสี่ยงต่อการใช้ข้อมูลภายในเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตน

ดังนั้น การไม่รายงานแบบ 59 นอกจากจะเป็นการละเมิดข้อกำหนดโดยตรงแล้ว ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากทำให้ตลาดขาดข้อมูลโปร่งใสที่ใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน

ส่อความผิดซ้อน: Insider Trading - ไม่ยื่นแบบ 59

เมื่อพิจารณาจากกรณีของผู้บริหาร TKN การซื้อหุ้นผ่านบัญชีบุคคลอื่นเพื่อใช้ข้อมูลภายใน ถือเป็นความผิดชัดเจนในข้อหา Insider Trading แต่ขณะเดียวกัน การไม่ปรากฏรายการยื่นแบบ 59 ในช่วงเวลาที่มีการซื้อขาย ย่อมส่อถึงการละเมิดกฎการเปิดเผยข้อมูลอีกชั้นหนึ่ง

กล่าวคือ นี่อาจไม่ใช่เพียงการใช้ข้อมูลวงใน แต่ยังอาจเข้าข่าย การปกปิดไม่รายงานการถือหุ้นที่แท้จริง อันขัดต่อเจตนารมณ์ของแบบ 59 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันพฤติกรรมเช่นนี้โดยตรง
ตลท. ชี้โดนฟันดาบ2

"ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีการสอบถามไปยังแหล่งข่าวในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้ความคิดเห็นว่า จากกรณีของผู้บริหาร TKN การซื้อหุ้นผ่านบัญชีบุคคลอื่นเพื่อใช้ข้อมูลภายใน ถือเป็นความผิดชัดเจนในข้อหา Insider Trading และเห็นด้วยว่าการไม่ปรากฏรายการยื่นแบบ 59 ในช่วงเวลาที่มีการซื้อขาย ส่อถึงเจตนาการละเมิดกฎการเปิดเผยข้อมูลอีกชั้นหนึ่ง

เนื่องจากการรายงานแบบ 59 มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้เห็นความเคลื่อนไหวของการถือครองหุ้นของบุคคลวงใน (insider) ซึ่ง ก.ล.ต. นำไปใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบเรื่อง insider trading

นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มาตรา 59 กำหนดหน้าที่กรรมการ ผู้บริหาร ผู้สอบบัญชี รวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลดังกล่าว

โดยเกณฑ์รายงานตาม ม. 59 ออกโดย สำนักงาน กลต (ประกาศที่ สจ.6/2567) กำหนดหน้าที่ให้บุคคลดังกล่าวรายงานเมื่อเข้าเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งที่เกิดก่อน ดังนี้
(1) มูลค่ารวม 3 ล้านบาทขึ้นไป
(2) เมื่อครบรอบ 6 เดือนหลังจากทำรายการแรก 

ดังนั้น คนที่มีหน้าที่รายงาน 59 ต้องมีตำแหน่งกรรมการ/ผู้บริหาร โดยหากว่า ก.ล.ต. ตรวจสอบแล้วเห็นว่า กรรมการ/ผู้บริหารใช้บัญชี nominee ก็เห็นควรว่ากรรมการ/ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องยังมีหน้าที่รายงาน ซึ่งการไม่รายงานน่าจะเอาผิดมาตรา 59 ได้

อย่างไรก็ตาม ตามข่าว ก.ล.ต. ที่รายงานก่อนหน้านี้ต่อประเด็นที่นายอิทธิพันธ์ (กรรมการและผู้บริหาร) และนายณัชชาพงศ์ (ผู้บริหาร) มีการซื้อหุ้น TKN โดยอาศัยข้อมูลภายในนั้น มองว่าทั้ง 2 บุคคลดังกล่าวจึงมีหน้าต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงถือครองหลักทรัพย์ตามมาตรา 59 ด้วย

“หากว่าไม่มีรายงาน หรือรายงานไม่ครบ ก็จะมีความผิดตามมาตรา 59 ประกอบมาตรา 275 พรบ. หลักทรัพย์ฯ จึงคาดว่าทาง ก.ล.ต. น่าจะดำเนินการกล่าวโทษต่อไป”แหล่งข่าวจากตลท.ระบุ