KEY
POINTS
จากประเด็นที่ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) เคาะมาตรการ 'เที่ยวดี มีคืน 2568' กระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี เตรียมเก็บกระเป๋าให้พร้อม เที่ยวเมืองหลัก - เมืองรอง ลดหย่อนภาษี สูงสุด 30,000 บาท กระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นช่วงปลายปี 2568 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2569
โดยมาตรการนี้เปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดาที่มีเงินได้ สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวในประเทศมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท โดยเริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. – 15 ธ.ค. 2568 นี้
ซึ่งครอบคลุมจังหวัดท่องเที่ยวรอง 55 จังหวัด และบางอำเภอในอีก 15 จังหวัด โดยมาตรการนี้มุ่งหวังสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้คึกคักช่วงสิ้นปี พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นทั่วประเทศให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองต่อมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวปลายปี 'เที่ยวดีมีคืน 2568' ว่า ทางฝ่ายมองว่ามีผลดีช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการใช้จ่าย และมีเงินหมุนเวียนมากขึ้นในไตรมาสสุดท้าย
แต่จะมากพอทดแทนกับภาคการส่งออกที่ชะลอตัวหรือไม่ยังสรุปไม่ได้ชัดเจน เพราะสัดส่วนการส่งออกมีสูงถึง 50 - 60% ของ GDP ประเทศไทย อย่างไรก็ดี ประเมินว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจะส่งอานิสงส์เชิงบวกต่อกลุ่มโรงแรม
ในส่วนของโรงแรมมอง CENTEL ได้ประโยชน์จากโครงการเที่ยวดีมีคืนมากที่สุด รองลงมาเป็น ERW หนุนจากจำนวนห้องพักในประเทศไทยที่สูง โดยเฉพาะโรงแรมในต่างจังหวัด
ทั้งนี้ ทางฝ่ายมอง CENTEL ได้ประโยชน์จากการปรับปรุงโรงแรมกระบี่และหัวหินช่วงปลายปี 2569 คาดสามารถลดหย่อนภาษี 2 เท่า จากค่าใช้จ่ายจริงที่มีการบันทึกในช่วงโครงการ โดยมูลค่าพื้นฐานของ CENTEL ไว้ที่ 37.00 บาท ส่วนของ ERW ประเมินมูลค่าพื้นฐานไว้ที่ 2.90 บาท
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยังมีโอกาสสะสมหุ้นรายตัวกลุ่มท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ผ่านจุดต่ำสุด และมาตรการสนับสนุนของรัฐบาล
สืบเนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ทางกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬารายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนต.ค. ที่ 5.57 แสนราย ปรับเพิ่มขึ้น 6.62% จากสัปดาห์ก่อน แม้ภาพรวมตัวเลขจะยังดูไม่ดีนัก แต่ทางฝ่ายประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือนก.ย. ที่ผ่านมา
สะท้อนจากค่าเฉลี่ยจำนวนนักท่องเที่ยว 3 สัปดาห์แรกของเดือนต.ค. ที่ 5.61 แสนราย เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ย 3 สัปดาห์แรกของเดือนก.ย. ที่ 5.23 แสนราย ขณะที่ล่าสุด ครม. ได้มีการอนุมัตมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยมี 5 มาตรการหลัก ดังนี้
1) มาตรการภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว มาตรการนี้ให้สิทธิลดหย่อนสำหรับการท่องเที่ยวเมืองรอง 1.5 เท่า ส่วนเมืองหลัก 1 เท่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. - 15 ธ.ค. 2568
2) มาตรการภาษีสำหรับนิติบุคคลเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
3) มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนาของภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 (Front Load)
4) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พัก
5) มาตรการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ
นอกจากนี้ มองว่าในช่วงไตรมาส 4/2568 เตรียมเข้าสู่ช่วง high season ของธุรกิจท่องเที่ยว ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาจึงมองเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว หุ้นที่ชอบ ได้แก่ CENTEL, SPA, VRANDA และ ERW เป็นต้น