นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทางฝ่ายประเมินดัชนี SET Index ในสัปดาห์นี้ (21 - 24 ต.ค. 68) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,250 - 1,320 จุด ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนต่อสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ทางโฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวว่า มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีน เป็นมาตรการที่ชอบด้วยกฎหมายและสอดคล้องกับกฎระเบียบของจีน ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการควบคุมการส่งออกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งผลให้เป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลลบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานอีกด้วย
ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงชะลอตัวจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยว่า การปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลกลาง (Government Shutdown) ซึ่งดำเนินต่อเนื่องเข้าสู่สัปดาห์ที่สอง อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์
สถานการณ์ที่ยืดเยื้อเริ่มส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านการลงทุนและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ
ขณะเดียวกันทางสหรัฐฯ ได้เผยตัวเลขดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ซึ่งปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงถึง 36 จุด สู่ระดับ -12.8 ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ +9.5 ดัชนีที่มีค่าเป็นลบสะท้อนถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในภูมิภาคดังกล่าว รับผลกระทบจากการจ้างงานที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
ในฝั่งปัจจัยในประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในการพยุงดัชนี โดยล่าสุด ผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) ยืนยันความพร้อมในการเดินหน้าตามนโยบาย “Quick Big Win” ของกระทรวงพลังงานและรัฐบาล
โดยจะจัดสรรงบประมาณปี 2568 เพื่อสนับสนุนโครงการอนุรักษ์พลังงาน โดยเน้นพื้นที่ห่างไกลที่ยังไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนทุรกันดาร
นอกเหนือจากนี้ ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2569 โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ส่วนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund: Thai ESG) โดยขยายประเภททรัพย์สินที่สามารถลงทุนได้ให้ครอบคลุมถึงหน่วยลงทุนของทรัสต์
เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infra Funds) ที่มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืน อีกทั้งเพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนนั้น ทางฝ่ายแนะนำลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ได้แก่ MINT, ERW, CENTEL, AWC, BA และ AAV เป็นต้น
โดยในสัปดาห์นี้จับตาการประชุมครม.จะพิจารณา '4 มาตรการใหญ่' กระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มการเดินทางเมืองรอง ครอบคลุมสิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่ม GDP ปี 2568 ราว 0.05-0.06% สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนหลายหมื่นล้านบาท