จับตาธนาคารกลางกวาดซื้อทองคำเพิ่ม ดันราคาทองเดือนธ.ค. พุ่ง 75,650 บาท

15 ต.ค. 2568 | 23:00 น.

กูรูชี้ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มขึ้นต่อ รับแรงหนุนทั้งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ความตึงเครียดสหรัฐฯ–จีน สถานการณ์ชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ และแรงซื้อจากธนาคารกลาง พร้อมประเมินกรอบราคาทองคำ 63,300 - 65,600 บาท

KEY

POINTS

  • โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในเดือนธันวาคม 2569 เป็น 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 75,650 บาท
  • ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางจีน (PBOC) จะยังคงเข้าซื้อทองคำสะสมอย่างต่อเนื่อง
  • ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เช่น ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ-จีน และการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท หลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด เปิดมุมมองต่อแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (16 - 19 ต.ค. 68) ว่า ทางฝ่ายคาดการณ์ราคาทองคำสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อ

หลักๆ เป็นผลจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ หลังจากที่สหรัฐฯ ขู่จะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อตอบโต้การที่จีนออกมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ที่นับได้ว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

ขณะที่ทางฝั่งประเทศจีนเองก็ได้แสดงท่าทีที่พร้อมจะตอบโต้กลับ ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ประกอบกับสถานการณ์ชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อเนื่อง ซึ่งยิ่งเพิ่มความกังวลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนการลงทุนในทองคำเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนนี้ โดยมีความคาดหวังว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

อีกหนึ่งแรงหนุนสำคัญคือธนาคารกลางจีน (PBOC) รายงานการถือครองทองคำของจีน ณ สิ้นเดือนก.ย. 2568 อยู่ที่ 74.06 ล้านออนซ์ เพิ่มขึ้นจาก 74.02 ล้านออนซ์ในเดือนส.ค. เนื่องจาก PBOC เพิ่มการซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน

สะท้อนถึงความต้องการกระจายความเสี่ยงจากการถือครองเงินตราต่างประเทศ และทิศทางความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลายลง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงท่าทีอ่อนลงต่อจีน พร้อมส่งสัญญาณเปิดทางสู่การเจรจา

ส่วนทางโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในเดือนธ.ค. 69 จาก 4,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทยที่ประมาณ 66,400 บาท (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 15 ต.ค. 68 ที่ระดับ 32.48 บาท)

โดยเพิ่มขึ้นมาเป็น 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทยที่ประมาณ 75,650 บาทโดยอ้างถึงการไหลเข้าของเงินทุนสู่กองทุน ETF ทองคำในภูมิภาคตะวันตกอย่างแข็งแกร่ง และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางจะเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้น

ประกอบกับความรุนแรงในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในฉนวนกาซา เริ่มผ่อนคลายลง หลังบรรลุข้อตกลงครอบคลุมถึงการหยุดยิงถาวร การถอนกำลังของอิสราเอลออกจากฉนวนกาซา

การนำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไป การเปิดจุดผ่านแดนราฟาห์ทั้งสองทิศทาง และการแลกตัวนักโทษ ส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ (16 - 19 ต.ค. 68) ยังคงต้องจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งอาจถูกเลื่อนออกไป หากสถานการณ์ชัตดาวน์ยังคงดำเนินต่อไป และทาง เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย

โดยในระหว่างการกล่าวเปิดการประชุมว่าด้วยธนาคารชุมชน จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 4,100 - 4,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทยที่ประมาณ 63,300 - 65,600 บาท พร้อมแนะนำให้รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาทองคำปรับตัวลง