4 หน่วยงานตลาดทุน ผนึกกำลัง เปิด 4 มาตรการ ‘สร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย’

06 ต.ค. 2568 | 07:02 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ต.ค. 2568 | 09:27 น.

สศค.-ก.ล.ต.-ตลาดหลักทรัพย์ฯ-FETCO จับมือขับเคลื่อน “ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย” วาง 4 เสาหลัก Quality Demand – Attractive Supply – Trusted Market – Supportive Ecosystem สร้างความเชื่อมั่น ยกระดับตลาดทุนไทยให้แข่งขันได้ในระดับภูมิภาค เป็นกลไกหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยระยะยาว

KEY

POINTS

  • 4 หน่วยงานตลาดทุน ได้แก่ สศค., ก.ล.ต., ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ FETCO ร่วมกันประกาศ "ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย"
  • มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ยกระดับขีดความสามารถ และเพิ่มความน่าสนใจของตลาดทุนไทยในระดับสากล
  • มาตรการหลักประกอบด้วย 4 ด้าน คือ การสร้างอุปสงค์ที่มีคุณภาพ (Quality Demand), อุปทานที่น่าสนใจ (Attractive Supply), ตลาดที่น่าเชื่อถือ (Trusted Market) และระบบนิเวศที่เอื้ออำนวย (Supportive Ecosystem)

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ร่วมแถลงข่าวเปิด “ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย” พร้อมเดินหน้าผลักดัน 4 มาตรการหลัก ประกอบด้วย Quality Demand – Attractive Supply – Trusted Market – Supportive Ecosystem เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุน ยกระดับขีดความสามารถ และเพิ่มความน่าสนใจของตลาดทุนไทยในระดับสากล 

จากการประชุมร่วมของคณะทำงานเพื่อพิจารณามาตรการปฏิรูปตลาดทุนไทย (Taskforce) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจาก สศค. ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ FETCO เพื่อระดมความเห็น วิเคราะห์ปัญหา และหาแนวทางส่งเสริมความสามารถของตลาดหุ้นไทย ให้แข่งขันได้และยืดหยุ่นต่อความท้าทาย เพื่อยังคงบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทย

โดยคณะทำงาน Taskforce ได้ข้อสรุปร่วมกันและเสนอ “ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย” ซึ่งมี 4 มาตรการหลัก พร้อมแผนการดำเนินการที่สำคัญเร่งด่วนในแต่ละมาตรการ ดังนี้

  • Quality Demand ประกอบด้วย 1) การสร้างวัฒนธรรมการลงทุนระยะยาวผ่านบัญชีการลงทุนส่วนบุคคล (Individual Investment Account) เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเปลี่ยนเงินออมเป็นเงินลงทุนระยะยาวและกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย มีการขยายฐานผู้ลงทุนกลุ่มใหม่ เพิ่มการให้บริการการลงทุนในตลาดหุ้นและผลิตภัณฑ์ของบริษัทหลักทรัพย์ รวมถึงสร้างศูนย์รวมข้อมูลพอร์ตของผู้ลงทุน (wealth aggregator) และ 2) การส่งเสริมบทบาทผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดทุนไทย 
  • Attractive Supply ประกอบด้วย 1) การดึงดูดกิจการที่มีศักยภาพและคุณภาพเข้าสู่ตลาดทุนไทย 2) การยกระดับคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนในปัจจุบัน ผ่านโครงการ Jump+ และ Value Up Program 3) การปรับขั้นตอนการออกและเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ให้มีประสิทธิภาพและทำให้ตลาดทุนไทยเป็นที่น่าสนใจและสามารถแข่งขันในระดับภูมิภาคได้ 4) การปรับปรุงเกณฑ์การเข้าถึงแหล่งระดมทุนของ SMEs และ New Economy ให้น่าสนใจ และ 5) การเปิดเผยข้อมูล ESG ตามมาตรฐาน ISSB และมุ่งผลให้เกิดการปฏิบัติจริง เพื่อดึงดูดผู้ลงทุนที่คำนึงถึงความรับผิดชอบด้าน ESG ในระดับสากล
  • Trusted Market ประกอบด้วย 1) การสร้างความเข้มแข็งในการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนและการบังคับใช้กฎหมาย 2) การยกระดับการกำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน (gatekeepers) เพื่อป้องปรามการกระทำที่ไม่เหมาะสม และ 3) การใช้เทคโนโลยีเพิ่มช่องทางเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของบริษัทขนาดกลางและเล็ก 
  • Supportive Ecosystem ประกอบด้วย 1) การเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนในการสร้างผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย 2) นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อยและเปลี่ยนผ่านตลาดทุนสู่ตลาดทุนดิจิทัล 3) ทบทวนหลักเกณฑ์การซื้อขายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ลงทุน และ 4) การให้ผู้ลงทุนต่างประเทศสามารถใช้สิทธิ e-proxy ได้สะดวกยิ่งขึ้น

“ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย” 4 หลัก

ดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทยนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการเสริมสร้างศักยภาพให้ตลาดทุนไทยมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

เพราะเมื่อตลาดทุนสามารถดึงดูดธุรกิจที่มีศักยภาพให้เข้ามาระดมทุน จะช่วยเพิ่มโอกาสของประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในด้านต่างๆ รวมทั้งเพิ่มจำนวนนักลงทุนในตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดทุนไทยมีประสิทธิภาพในการเป็นแหล่งระดมทุนเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป

โดยมาตรการเหล่านี้ยังสอดคล้องกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2565 – 2570) ที่หน่วยงานด้านตลาดทุนได้ดำเนินการมาโดยตลอด และขณะเดียวกันก็ถือเป็นมาตรการ Quick Win ที่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงประจักษ์ในระยะสั้น แต่ส่งผลต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจด้านนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการพัฒนาตลาดทุนในภาพรวม พร้อมที่จะร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการกับทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันและสานต่อมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)

ศาสตราจารย์ ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. ได้ริเริ่มจัดตั้งคณะทำงาน Taskforce ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชน เพื่อร่วมกันผลักดันมาตรการพัฒนาตลาดทุนไทยอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันระยะยาวอย่างยั่งยืน

สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจและบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมทั้งยกระดับความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทย โดยเชื่อมั่นว่าการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบต้องอาศัยความร่วมมือทำงานของทุกภาคส่วนในตลาดทุน

โดยชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย ที่เสนอโดยคณะทำงาน Taskforce ครอบคลุมทั้งฝั่งอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานย่อย (Working Group) ในการติดตามและผลักดันมาตรการต่อเนื่อง เพื่อเร่งขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในระยะสั้น

ในระยะถัดไป ก.ล.ต. จะเดินหน้าพัฒนาตลาดทุนในส่วนอื่น ทั้งตลาดตราสารหนี้ หน่วยลงทุน ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านตลาดทุนสู่ตลาดทุนดิจิทัล โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานชุดอื่นเพิ่มเติมต่อไป ซึ่ง ก.ล.ต. พร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่างหน่วยงานต่างๆ

ศาสตราจารย์ ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต.

อย่างไรก็ตาม 4 มาตรการดังกล่าว อาจจะไม่ใช่โจทย์ตลาดทุนไทยที่จะต้องเร่งทำภายใน 4 เดือนจากนี้ แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นการดำเนินมาตรการ อย่างไรก็ตามก็จะมีมาตรการ Quick win เพื่อให้ไปสอดคล้องกับทางรัฐบาล นั่นคือ การผลักดัน Thai Individual Saving Account (TISA) คาดจะเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นในปีนี้เป็นต้นไป จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปลายปี 2569

การแก้ปัญหาการนำบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยจะผลักดันให้มี ธุรกิจใหม่ (New Economy) เพื่อสร้างการเติบโตใหม่ (New Growth)

ในแง่ของ สำนักงาน ก.ล.ต. จะเน้นการแก้กฎเกณฑ์บางประการ ซึ่งอาจจะเริ่มเห็นการเปิดรับฟังความคิดเห็น ตลอดจนการกล่าวถึงแนวทางมากขึ้น โดยสำนักงาน ก.ล.ต. จะมีการเสนอแผน ที่จะผ่านคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (บอร์ด ก.ล.ต.) ในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ และจะสามารถเปิดเผยให้รับทราบได้ในเดือนมกราคม 2569

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กล่าวว่า ความร่วมมือของคณะทำงาน Taskforce ครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการยกระดับศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และความน่าสนใจของตลาดทุนไทย 

ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมผลักดันมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทยอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การดึงดูดกิจการ New Economy ที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียน การยกระดับคุณภาพบริษัทจดทะเบียนผ่านโครงการ Jump+ การใช้เทคโนโลยีเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลของผู้ลงทุน ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายตอบโจทย์ผู้ลงทุนทุกกลุ่ม

ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น  ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งมั่นให้ตลาดทุนไทยเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และการแข่งขันระดับภูมิภาค โดยเน้นการพัฒนาคุณภาพตลาด สร้างความน่าเชื่อถือ และยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแล เพื่อให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพ

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO กล่าวว่า การขับเคลื่อน "ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย" เป็นความร่วมมือสำคัญจากทุกภาคส่วนในตลาดทุน ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันของตลาดหุ้นไทยให้แข็งแกร่ง พร้อมรับต่อความท้าทาย

และยังคงบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยต่อไป โดยเฉพาะการมุ่งเน้นการสร้าง Quality Demand ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมนั้น จะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมการลงทุนระยะยาว ทั้งการพัฒนาบัญชีการลงทุนส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถเปลี่ยนเงินออมเป็นการลงทุนระยะยาวให้เพียงพอพร้อมรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมถึงการสร้างศูนย์รวมข้อมูลพอร์ตเพื่อการบริหารความมั่งคั่งของผู้ลงทุนอย่างครบวงจร

นอกจากนี้ การส่งเสริมบทบาทของผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ ถือเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดทุนไทยให้มีเสถียรภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น

เราเชื่อมั่นว่ามาตรการเหล่านี้จะทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในเสาหลักของการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนในอนาคต

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย