ไม่ยึดติดเป้าหมายในการลงทุน: โฟกัสที่กระบวนการเพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน
การตั้งเป้าหมายในด้านการลงทุน เช่น การเพิ่มมูลค่าพอร์ตหรือกำหนดเปอร์เซ็นต์กำไร เป็นสิ่งที่นักลงทุนหลายคนทำ เพราะช่วยให้เรามีทิศทางที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม หลังจากประสบการณ์กว่า 10 ปีในตลาดหุ้น ผมพบว่าการยึดติดกับเป้าหมายมากเกินไปอาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป ด้วยเหตุผลดังนี้:
1. ผู้ชนะและผู้แพ้มีเป้าหมายเดียวกัน
ในตลาดหุ้นที่มีความผันผวนรายวัน ทุกคนที่เข้ามาย่อมมีเป้าหมายเดียวกัน คือการสร้างกำไรที่มั่นคงและลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม สถิติชี้ชัดว่ามีนักลงทุนเพียง 10% เท่านั้นที่สามารถทำกำไรได้ ส่วนอีก 90% ขาดทุน
นี่แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายไม่ใช่ปัจจัยหลักที่กำหนดความสำเร็จในตลาดหุ้น เช่นเดียวกับในสนามสอบที่ทุกคนล้วนอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างปรารถนาเหรียญทอง สุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์ไม่ได้ถูกกำหนดโดยเป้าหมาย แต่ขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวและการลงมือทำ
2. เป้าหมายทำให้เราขาดความสุข
หากเรายึดติดกับเป้าหมายมากเกินไป เมื่อความก้าวหน้ายังห่างไกลจากจุดที่ตั้งไว้ เราจะรู้สึกเครียดและไม่มีความสุข ยิ่งในช่วงตลาดขาลง เป้าหมายที่ดูไกลออกไปเรื่อยๆ จะสร้างแรงกดดันให้เราจนมองไม่เห็นหนทางแก้ไขปัญหาที่อยู่ตรงหน้า
การมุ่งเน้นที่เป้าหมายมากเกินไปอาจทำให้เราสูญเสียสมาธิและความชัดเจนในการตัดสินใจ ส่งผลให้เราตกอยู่ในภาวะวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น
3. เป้าหมายทำให้เราหลงตัวเอง
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเราบรรลุเป้าหมายแล้ว เราอาจหลงตัวเองและเริ่มผ่อนคลายเกินไป เช่น หากเราสามารถเพิ่มมูลค่าพอร์ตจาก 1 ล้านบาทเป็น 5 ล้านบาทได้ภายในปีเดียว เราอาจรู้สึกว่าตัวเองเก่งและประมาทในขั้นตอนวิเคราะห์หุ้น
ความหละหลวมนี้อาจนำไปสู่ความผิดพลาด เช่น การลงทุนที่ขาดการพิจารณาอย่างรอบคอบ หรือการประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป สุดท้ายตลาดหุ้นจะลงโทษเราด้วยการขาดทุน
ทางออก: โฟกัสที่กระบวนการแทนเป้าหมาย
แทนที่จะยึดติดกับตัวเลขเป้าหมาย ลองเปลี่ยนมาโฟกัสที่กระบวนการ เช่น:
กระบวนการที่ดีจะช่วยให้เราสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน และเมื่อพัฒนาวิธีการของเราให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เป้าหมายก็จะบรรลุผลไปโดยปริยาย
บทเรียนจากประสบการณ์ส่วนตัว
ผมเคยใช้ชีวิตแบบโฟกัสที่เป้าหมายอย่างสุดโต่ง หากยังไม่ถึงเป้าหมายก็จะรู้สึกกระวนกระวายและอยากทำบางอย่างเพื่อให้เป้าหมายเข้าใกล้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ผมก็กลัวว่าถ้าไม่มุ่งเป้าหมายอย่างจริงจัง ชีวิตจะเฉื่อยชาและล้มเหลว
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมพบว่า สมดุลระหว่างเป้าหมายและกระบวนการ คือคำตอบ ผมยังคงตั้งเป้าหมายในการทำกำไรจากการลงทุน แต่ให้เวลาส่วนใหญ่กับการพัฒนากระบวนการในแต่ละวัน เช่น การศึกษาหุ้น วิเคราะห์ตลาด และปรับปรุงแผนการลงทุน
ผลลัพธ์ที่ได้คือชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น ความเครียดลดลง และผลลัพธ์การลงทุนที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สรุป
การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ แต่การยึดติดกับเป้าหมายมากเกินไปอาจทำให้เราเสียสมดุลทางอารมณ์และการตัดสินใจ จงหันมาให้ความสำคัญกับกระบวนการ พัฒนาความสามารถในทุกๆ วัน เมื่อเราทำกระบวนการได้ดี เป้าหมายก็จะตามมาเองอย่างมั่นคงและยั่งยืน