KEY
POINTS
จากกรณีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย ภายใต้การนำทีมรัฐบาลชุดใหม่ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทย ซึ่งล่าสุดได้มีการประกาศเร่งผลักดันนโยบายต่างๆ และวางกำหนดการยุบสภาผู้แทนราษฎร ภายใน 4 เดือนนับตั้งแต่วันที่แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา หรือภายในสิ้นเดือนมกราคม 2569
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA Group เปิดเผยกับ 'ฐานเศรษฐกิจ' ว่า จากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศไทย มองว่าไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของชาวต่างชาติ
เนื่องจากต่างชาติค่อนข้างมีความมั่นใจว่า ไม่ว่าจะรัฐบาลชุดใดขึ้นมาบริหารประเทศก็ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องของการผลักดันและสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งด้วยการมาลงทุนยังไทยส่วนใหญ่แล้วลูกค้าจะมีซัพพลายเออร์ (Supplier) ที่ดำเนินธูรกิจในไทยอยู่แล้ว
ดังนั้นแล้ว จึงได้รับข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ต่างๆ ในไทยอยู่ตลอด และรับรู้ว่าประเทศไทยค่อนข้างมีความปลอดภัย ไม่ได้น่ากังวลใจแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
นอกจากนี้ ด้วย “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ถูกโหวตขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ส่วนหนึ่งก็เป็นคะแยยโหวตจากฝ่ายค้าน ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติ และค่อนข้างมีความประทับใจ
รวมไปถึงการเลือกรัฐมนตรีที่เป็นคนนอก เข้ามาร่วมบริหารงานในด้านต่างๆ ซึ่งทุกท่านล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงที่ดี เป็นที่ยอกมรับ เป็นผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความเข้าใจในด้านเศรษฐกิจประเทศไทยเป็นอย่างดี ทำให้มองว่าการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในกรอบระยะเวลาที่จำกัดจะเห็นผลได้ไม่มากก็น้อย
ทุกอย่างต้องรีบ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และพลังงานสะอาดที่โจทย์ต้องเพิ่มขึ้น จากตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ทะลุ 1.1 ล้านล้านบาท โดยการลงทุน FDI ส่วนมากเป็นกลุ่มดิจิทัล และดาต้าเซนเตอร์ ส่วนหนึ่งเกิดจากภาษีสหรัฐทำให้เพิ่มขึ้น
ภาพรวมธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมของ WHA นั้น มองว่ายังคงมีความโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ผ่านมายังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศติดต่อและเข้ามาเยี่ยมชมโครงการอยู่ตลอด โดยล่าสุดบริษัทได้มีการเซ็นสัญญา LOI กับลูกค้ารายใหญ่เกี่ยวเนื่องกับดิจิทัล ขนาดพื้นที่ 800 - 900 ไร่
โดยยอดการเซ็นสัญญาลงนามดังกล่าวยังไม่นับรวมยอด Outstanding ทั้งที่เป็น LOI และ MOU ที่อยู่ในระดับสูง จำนวนรวมกว่า 1,427 ไร่ เชื่อว่าจะช่วยสะท้อนถึงความต้องการที่ดินอุตสาหกรรมไทยที่อยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ แม้ว่าในปีนี้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอาจต่ำกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า 2,350 ไร่ ซึ่งปลายปีนี้ยังมีลุนอาจได้ยอดขายจากลูกค้ารายใหญ่เข้ามาเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันยังมีที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีกประมาณ 3 - 4 ดีล
ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ ปัจจุบัน WHA มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 3,163,552 ตารางเมตร (ตร.ม.) ปัจจุบันบริษัทยังคงได้รับความสนใจเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่ม จากทั้งลูกค้าไทยและต่างชาติ ทำให้ในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสเห็นการเซ็นสัญญาเช่าเข้ามาเพิ่มเติม
ด้านธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) บริษัทวางเป้าหมายการขายน้ำ และปริมาณการจัดการปีนี้ไว้ที่ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร ปรับลดลงมาเท่ากับปีก่อน จากการลดลงของการใช้งานของโรงไฟฟ้า และปิโตรเคมี ส่วนกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าคาดอยู่ที่ 1,185 เมกะวัตต์ (MW)