KEY
POINTS
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดทองคำในช่วงสัปดาห์นี้ (26-28 ก.ย. 2568) ประเมินว่าราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยยังได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 2 ครั้งในปี 2568 นี้
หลังจากที่มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 4.00 - 4.25% และคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) จะปรับลดอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปี 2568 นี้ รวม 0.50% พร้อมคาดว่าจะมีการปรับลดอีก 0.50% ในปี 2569 และอีก 0.25% ในปี 2570
นอกจากนี้ เฟดยังปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงปี 2568 - 2570 เป็น 1.6%, 1.8% และ 1.9% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์เดิมในช่วงเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นการขายทำกำไรหลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นราว 5.5% ในเดือนกันยายน แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 57,882.04 บาท (บนฐานอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 25 ก.ย. ที่ระดับ 32.13 บาท)
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยแนะนำให้ซื้อที่แนวรับ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 56,507.53 บาท และมีแนวต้านที่ 3,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 58,798.38 บาท
ทั้งนี้ ทางดอยซ์แบงก์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2569 โดยคาดว่าจะแตะระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคา 61,089.23 บาท
ขณะที่ SPDR Gold Trust ได้เข้าซื้อทองคำเพิ่มอีก 18 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้ ธนาคารกลางของกลุ่ม BRIC มีการเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องโดยเฉพาะจีนที่นำเข้าทองคำเพิ่มจากสวิสฯ เพิ่มขึ้น 254% เมื่อเทียบกับเดือนที่ก่อนหน้า เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์
โดยการส่งออกทองคำจากสวิตเซอร์แลนด์ไปยังจีนในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นถึง 254% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม พร้อมทั้งยังมีมาตรการควบคุมด้านเทคโนโลยี โดยสั่งให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น ByteDance และ Alibaba ระงับการซื้อชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) จาก Nvidia รวมถึงยกเลิกคำสั่งซื้อเดิม
โดยธนาคารกลางแคนาดาได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 2.50% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้