ทำความรู้จักการลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่าน 'DR' ตราสารเพื่อนักลงทุนไทย

07 ก.ย. 2568 | 02:00 น.

อยากลงทุนหุ้นดังระดับโลก แต่ไม่อยากปวดหัวเปิดพอร์ตต่างประเทศ? DR คือทางลัดที่นักลงทุนไทยไม่ควรมองข้าม ซื้อขายง่ายด้วยเงินบาท เข้าถึงหุ้นยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ยุโรป และจีน พร้อมสิทธิประโยชน์เหมือนถือหุ้นจริง แต่ต้องเข้าใจทั้งโอกาสและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจมีติดพอร์ต

KEY

POINTS

  • DR หรือ Depositary Receipt คือตราสารที่ช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถลงทุนในหุ้นและ ETF ต่างประเทศได้สะดวกผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยใช้บัญชีซื้อขายหุ้นที่มีอยู่และซื้อขายเป็นสกุลเงินบาท
  • ข้อดีคือช่วยลดความยุ่งยากในการลงทุนต่างประเทศโดยตรง ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำน้อย (เริ่มต้น 1 หน่วย) และผู้ถือจะได้รับผลตอบแทนเสมือนการถือครองหลักทรัพย์อ้างอิงโดยตรง ทั้งกำไรส่วนต่างราคาและเงินปันผล
  • การลงทุนมีความเสี่ยงหลักที่ต้องพิจารณา ได้แก่ ความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในต่างประเทศ ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือของผู้ออก DR

ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นในต่างประเทศมีความน่าสนใจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การเติบโตของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือหุ้นสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ในยุโรป รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มประเทศจีน ที่ถือว่าเป็นอนาคตของการลงทุน

ทำให้นักลงทุนหลายคนคิดอยากลงทุนในหุ้นของบริษัทในต่างประเทศเหล่านี้ดูบ้าง แต่การไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศโดยตรงก็คงจะทำได้ยาก เพราะการเปิดบัญชีหุ้นต่างประเทศก็ไม่ได้ง่ายเหมือนกับการเปิดบัญชีหุ้นไทย กฎระเบียบการซื้อขายในแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน

แถมเงินลงทุนขั้นต่ำที่ต้องมีในการซื้อหุ้นเหล่านั้นก็ไม่ใช่น้อย แค่คิดก็ปวดหัว ดังนั้น การลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่าน DR จึงเป็นคำตอบของนักลงทุนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างเรา

ลักษณะของ DR

หุ้น DR เป็นตราสารที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายหุ้นหรือ ETF ในต่างประเทศได้ โดยผ่านการซื้อขาย DR ที่จดทะเบียนซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งกระบวนการย่อมง่ายกว่าการออกไปลงทุนตรงในต่างประเทศ เพราะมีตัวกลางซึ่งก็คือผู้ออก DR ให้ช่วยบริหารจัดการให้ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการยกหุ้นต่างประเทศมาให้ซื้อขายได้บนตลาดหุ้นไทย ในรูปแบบของการซื้อขาย 'ใบรับฝาก' แทน

'ผู้ออก DR' จะเป็นคนไปซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศมาเก็บไว้ เพื่อใช้ออก DR นำมาเสนอขายให้นักลงทุนทั่วไป (IPO) ก่อนจะนำมาจดทะเบียนและซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเห็นว่าผู้ออก DR ไม่ใช่บริษัทเจ้าของหลักทรัพย์ในต่างประเทศ แต่จะทำหน้าเป็นผู้ที่ถือหลักทรัพย์ต่างประเทศแทนนักลงทุน

ดังนั้น นักลงทุนที่ถือครอง DR จึงเปรียบเสมือนกับถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านใบ DR ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน เนื่องจากซื้อขายด้วยเงินบาท ใช้บัญชีเดียวกันกับการซื้อขายหุ้นไทย เหมือนการซื้อขายหุ้นทั่วไป  สิ่งเดียวที่แตกต่างกัน คือ Board Lot ของ DR จะซื้อขายได้สะดวกกว่าหุ้นทั่วไป

 เพราะ DR นั้นซื้อขายได้ขั้นต่ำครั้งละ 1 DR ขณะที่หุ้นทั่วไปจะซื้อขายกันขั้นต่ำที่ Board Lot ละ 100 หุ้น

ทำความรู้จักการลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่าน 'DR' ตราสารเพื่อนักลงทุนไทย

มาถึงตรงนี้หลายคนคงสนใจและอยากเริ่มซื้อขาย DR แล้วใช่ไหม?

อย่าเพิ่งใจร้อนไป เราลองมาทำความรู้จักกับ สัญลักษณ์ย่อของ DR กันก่อน โดยจะประกอบด้วยตัวอักษรความยาวสูงสุดไม่เกิน 10 ตัว ดังนี้

ทำความรู้จักการลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่าน 'DR' ตราสารเพื่อนักลงทุนไทย

ตัวอย่าง : APPR99

  1. DR ของหลักทรัพย์ชื่อ APPR
  2. ออกโดย บ.หลักทรัพย์หมายเลข 99

เราสามารถลงทุน DR ทั้งในระยะสั้นเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากสถานการณ์ในปัจจุบัน หรือสร้างพอร์ตเพื่อการลงทุนในระยะยาวก็ได้เช่นกัน ซึ่งการปรับพอร์ตหรือการขายหลักทรัพย์เพื่อรับเป็นเงินสดก็สามารถทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องมีภาระเรื่องการโอนเงินระหว่างประเทศที่ต้องเสี่ยงกับอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนตลอดเวลา

จากปัจจัยกล่าวกล่าวไปข้างต้น ทำให้ DR จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่สนใจอยากเริ่มต้นลงทุนในหุ้นหรือ ETF ต่างประเทศ

ลงทุน DR ได้อะไร

ผลตอบแทนและความเสี่ยงของ DR มีอะไรบ้าง และคุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่ ซึ่งสามารถพิจารณาได้ ดังนี้

โดยผู้ที่ถือ DR จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเสมือนถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้นๆ โดยตรง โดยแบ่งผลตอบแทนออกเป็น 2 ส่วน

กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) : หากนักลงทุนขาย DR ในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อ จะได้รับกำไรจากส่วนต่างราคา โดยกำไรที่ได้จากการขาย DR จะได้รับ 'ยกเว้นภาษี' เหมือนกำไรที่ได้จากการขายหุ้นไทย

เงินปันผล (Dividend) และสิทธิประโยชน์อื่น : กรณีหุ้นแม่หรือ ETF ประกาศจ่ายเงินปันผล หรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น หุ้นปันผล สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน ฯลฯ ผู้ถือ DR จะได้รับเงินปันผลหรือสิทธิประโยชน์นั้นเช่นเดียวกัน แต่จะถูกหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจากผู้ออก DR ตามที่ระบุไว้ในสัญญารับฝาก (ถ้ามี)

รวมไปถึงภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามอัตราของประเทศนั้นๆ โดยผู้ออก DR จะแปลงเงินปันผลเป็นเงินบาทและประกาศอัตราที่นักลงทุนจะได้รับ ซึ่งนักลงทุนไทยจะได้รับเงินปันผลหลัง 'หักภาษี ณ ที่จ่าย 10%' โดยมีสิทธิไม่นำเงินได้นั้นไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตอนสิ้นปี (Final Tax)

ทำความรู้จักการลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่าน 'DR' ตราสารเพื่อนักลงทุนไทย

ขึ้นชื่อว่าการลงทุนแล้ว ย่อมต้องมีเรื่อง 'ความเสี่ยง' ให้คอยระวัง ซึ่งความเสี่ยงของ DR ก็คล้ายๆ กับการลงทุนในหุ้นที่ราคาของ DR สามารถเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามสภาวะตลาด หากเราคาดการณ์ทิศทางราคาผิด และราคาตลาดลดลงต่ำกว่าต้นทุนที่ซื้อมา ก็อาจทำให้ขาดทุนได้

และถึงแม้ว่าการลงทุนใน DR จะใช้เงินสกุลบาทในการซื้อขาย แต่ราคา DR จะผันผวนตามราคาหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ปรับค่าด้วยอัตราแลกเปลี่ยน นักลงทุนจึงต้องพิจารณาถึง 'ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน' ควบคู่ไปกับการติดตามราคาของหลักทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อใช้ประกอบการลงทุนใน DR

ทั้งนี้ ราคา DR อาจจะแตกต่างจากราคาของหลักทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการซื้อและความต้องการขาย (Demand & Supply) ของ DR ในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงสภาวะแวดล้อมภายในประเทศอื่นๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมี 'ความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออก DR' ที่มองข้ามไม่ได้ เนื่องจากผู้ออก DR จะเป็นผู้ดูแลหลักทรัพย์ต่างประเทศและออก DR มาให้เราลงทุน ดังนั้น ความน่าเชื่อถือและความสามารถในการดำเนินงานของผู้ออก จึงเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนว่าจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

ดังนั้นแล้ว การลงทุนใน DR ไม่ใช่เรื่องยาก แถมยังช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนจากที่ถือหุ้นไทย 100% ด้วยการกระจายสัดส่วนการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น แถมยังสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น ข้อดีเยอะแบบนี้ อาจเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจให้นักลงทุนพิจารณามีติดพอร์ตไว้บ้างแล้ว

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา DR

สำหรับการลงทุนใน DR จำเป็นต้องเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาของ DR เพื่อจะได้พิจารณาและติดตามการลงทุนได้อย่างเหมาะสม ซึ่ง 3 ปัจจัยหลักที่มีส่วนในการกำหนดราคา DR นั้น ได้แก่

ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงในต่างประเทศ
เราควรติดตามว่าปัจจุบันราคาของสินทรัพย์ที่เลือกลงทุนนั้นอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ ที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางราคาของสินทรัพย์ว่าเป็นอย่างไร นอกจากปัจจัยเฉพาะตัวแล้วยังมีผลจากสภาพตลาดและเศรษฐกิจของประเทศที่สินทรัพย์อ้างอิงนั้นทำการซื้อขายอยู่

เพราะอาจส่งผลกระทบให้ราคา DR ปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือลดลงได้ โดยอาจมีในบางช่วงเวลาที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงในต่างประเทศมีความผันผวนก็จะส่งผลกระทบให้ราคา DR นั้นๆ ต้องผันผวนตามไปด้วยเช่นกัน 

ทำความรู้จักการลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่าน 'DR' ตราสารเพื่อนักลงทุนไทย

แต่นักลงทุนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะติดตามข่าวสารของหลักทรัพย์ที่ DR นั้นอ้างอิงไม่ทัน เพราะสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำหนดให้ผู้ออก DR ต้องติดตามข้อมูลข่าวสารที่สำคัญของหลักทรัพย์ต่างประเทศที่มีการเปิดเผยในต่างประเทศ และนำข้อมูลข่าวสารดังกล่าวมาเผยแพร่แก่นักลงทุน DR ผ่านช่องทางการเผยแพร่ข่าวของตลาดหลักทรัพย์ฯ

ทำให้นักลงทุน DR สามารถติดตามข่าวสารและได้รับข้อมูลที่ทันต่อเหตุการณ์ เพื่อใช้ในการตัดสินใจในการลงทุนใน DR ได้อย่างเหมาะสม และเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญกับหลักทรัพย์ต่างประเทศ ผู้ออก DR จะขอให้มีการขึ้นเครื่องหมายต่างๆ เช่น XD, H, SP ตามหลักทรัพย์ต่างประเทศในตลาดแม่ เพื่อให้นักลงทุน DR ได้รับข่าวสารที่เท่าเทียมกัน

ทำความรู้จักการลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่าน 'DR' ตราสารเพื่อนักลงทุนไทย

อัตราแลกเปลี่ยน
แม้ว่าเราจะสามารถซื้อขาย DR ได้ในตลาดหุ้นไทยด้วยเงินสกุลบาท แต่เวลาที่เราซื้อขายนั้นต้องอ้างอิงกับราคาหุ้นหรือราคาสินทรัพย์อ้างอิงในต่างประเทศ อ้างอิงกับเงินสกุลนั้นๆ ที่สินทรัพย์จดทะเบียนอยู่

ดังนั้นเมื่อค่าเงินเปลี่ยนแปลงก็ย่อมส่งผลกับราคา DR ในบ้านเราให้แพงกว่า หรือ ถูกกว่า ในบางช่วง ซึ่งค่าเงินทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางเงินไหลเข้าหรือเงินไหลออกแต่ละประเทศ โดย DR ที่อ้างอิงกับสินทรัพย์ในต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงค่าเงินด้วยเช่นกัน

ทำความรู้จักการลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่าน 'DR' ตราสารเพื่อนักลงทุนไทย

ความต้องการของนักลงทุน
เหมือนกับหลักทรัพย์ทั่วไปถ้ามีแรงซื้อเข้ามามากในบางช่วงก็อาจทำให้ราคา DR ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติได้ สำหรับในตลาดหุ้นไทยบ่อยครั้งที่จะเห็นการเคลื่อนไหวของราคาที่มากกว่าปกติจากแรงซื้อหรือแรงขาย

ใน DR ก็เช่นกันที่ในบางครั้งอาจมีปัจจัยหรือมีความต้องการซื้อหรือขายผ่านตลาดหุ้นไทยมากกว่าปกติในบางช่วงเวลา ซึ่งอาจทำให้ราคา DR เมื่อเทียบกับราคาสินทรัพย์อ้างอิงในต่างประเทศอาจคลาดเคลื่อนกัน ดังนั้น ในการพิจารณาก่อนเข้าซื้อ นักลงทุนควรดูในเรื่องของราคาว่ามีความผิดปกติหรือไม่ก่อนที่จะเข้าซื้อทุกครั้ง