ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทตลอดสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 สิงหาคม 2568 โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ สวนทางดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เผชิญแรงขาย หลังประธานเฟดส่งสัญญาณที่การประชุม Jackson Hole ว่ามีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนกันยายน กระตุ้นความคาดหวังต่อนโยบายการเงินผ่อนคลาย
เงินบาทยังได้รับแรงหนุนจากการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชียและราคาทองคำที่พุ่งกลับขึ้นเหนือ 3,400 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ดีกว่าคาดการณ์ แต่ตลาดกลับกังวลต่อความเป็นอิสระของเฟด จึงกดดันดอลลาร์ฯ อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ปลายสัปดาห์เงินบาทอ่อนค่ากลับบางส่วน ตามแรงขายสุทธิหุ้นไทยของต่างชาติ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดตำแหน่งรัฐมนตรี ส่งผลให้ความเชื่อมั่นการเมืองไทยสั่นคลอน
เมื่อวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา เงินบาทปิดที่ 32.39 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าจาก 32.65 บาทเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 12,393 ล้านบาท แต่ยังซื้อสุทธิพันธบัตร 3,126 ล้านบาท (หักตราสารหนี้ครบกำหนด 501 ล้านบาท) ส่งผลให้ภาพรวมยังเป็น Net Inflows เข้าตลาดตราสารหนี้ 2,625 ล้านบาท
แนวโน้มสัปดาห์หน้า (1–5 กันยายน 2568)
กสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทไว้ที่ 31.80–32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยมี 4 ปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม ได้แก่
ได้แก่ ดัชนี ISM และ PMI ภาคการผลิต-บริการ, ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP, การจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงานเดือนสิงหาคม, ข้อมูลการเปิดรับสมัครงาน (JOLTS) และอัตราการหมุนเวียนแรงงาน, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนกรกฎาคม, รายงาน Beige Book ของเฟด และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะเดียวกัน ตลาดโลกยังรอดูตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนสิงหาคมของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมของยูโรโซน
ตลาดหุ้นไทย
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน ช่วงต้นสัปดาห์ดีดขึ้นตามทิศทางต่างประเทศ หลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย และแรงหนุนจากการส่งออกเดือนกรกฎาคมของไทยที่ขยายตัวต่อเนื่อง กระตุ้นแรงซื้อในหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์
แต่แรงขายต่างชาติถาโถม หลังมีข่าวประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งปลดผู้ว่าการเฟด และขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนสูงถึง 200% หากจีนจำกัดการส่งออกแม่เหล็กแร่หายากไปยังสหรัฐฯ เมื่อบวกกับความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย ทำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
ท้ายสัปดาห์แรงกดดันทวีคูณ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธารพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมครม. ทั้งคณะ ดันแรงขายหุ้นพลังงาน ค้าปลีก และสื่อสารจนตลาดร่วงแรง
วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม ดัชนี SET ปิดที่ 1,236.61 จุด ลดลง 1.34% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 46,844.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.96% ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.04% ปิดที่ 248.86 จุด
แนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (1–5 กันยายน)
บล.กสิกรไทยคาดว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,225 และ 1,200 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,245 และ 1,265 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาคือ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนสิงหาคม ประเด็นการเมืองในประเทศ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจโลก ทั้ง PMI ภาคการผลิต-บริการของญี่ปุ่น จีน และยูโรโซน รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนสิงหาคม (เบื้องต้น) ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนกรกฎาคม และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 ของยูโรโซน