"Front running" ในธุรกิจจัดการกองทุนรวม คือ การที่ผู้จัดการกองทุน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ของกองทุนรวม ใช้อำนาจหน้าที่หรือข้อมูลภายในที่ตนเองรู้ล่วงหน้า เพื่อซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในบัญชีส่วนตัวของตนเองก่อนที่จะดำเนินการซื้อขายในนามของกองทุนรวม
การกระทำ Front running ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการใช้ข้อมูลภายในในทางมิชอบอย่างหนึ่ง และเป็นการละเมิดหลักการ fiduciary duty ที่ผู้จัดการกองทุนมีต่อผู้ลงทุนอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมและทำลายความน่าเชื่อถือของตลาดทุนโดยสิ้นเชิง
ก.ล.ต. จึงให้ความสำคัญกับการตรวจสอบและลงโทษการกระทำความผิดประเภทนี้อย่างเข้มงวด การทำ Front Running ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความน่าเชื่อถือในธุรกิจการจัดการกองทุนรวม เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดต่อหลักการและจรรยาบรรณวิชาชีพ
สมมติว่าผู้จัดการกองทุนรวมมีคำสั่งซื้อหลักทรัพย์จำนวนมหาศาล (Block order) ซึ่งการซื้อในปริมาณมากขนาดนี้จะส่งผลให้ราคาหลักทรัพย์นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน ผู้จัดการกองทุนคนนั้นอาจจะใช้โอกาสนี้ ซื้อหลักทรัพย์ตัวเดียวกันในบัญชีส่วนตัวของตนเองก่อน จากนั้นจึงค่อยซื้อในนามของกองทุนรวม เมื่อราคาหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อของกองทุนรวม ผู้จัดการกองทุนก็จะขายหลักทรัพย์ที่ตนเองซื้อไว้ก่อนหน้านี้เพื่อทำกำไรส่วนตัว
สร้างความเสียหายแก่ผู้ลงทุนในกองทุนรวม: ผู้ลงทุนในกองทุนรวมจะได้รับความเสียหายเนื่องจากต้องซื้อหลักทรัพย์ในราคาที่สูงขึ้น หรือขายในราคาที่ต่ำลง เพราะการซื้อขายล่วงหน้าของผู้จัดการกองทุน ทำลายความน่าเชื่อถือของตลาดทุน
Front running เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณและผิดกฎหมาย ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในตลาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยรวม ขัดต่อหลักการ fiduciary duty ผู้จัดการกองทุนมีหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้รับมอบอำนาจ (fiduciary duty) ที่จะต้องกระทำเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุน การกระทำ Front running จึงเป็นการละเมิดหน้าที่นี้อย่างร้ายแรง
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีกฎหมายและแนวทางที่เข้มงวดเพื่อป้องกันและลงโทษการกระทำ Front running เช่น การกำหนดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกองทุนเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง และการมีระบบตรวจสอบที่รัดกุมเพื่อเฝ้าระวังพฤติกรรมที่อาจเข้าข่าย Front running นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษทั้งทางแพ่งและอาญาสำหรับผู้ที่กระทำความผิดดังกล่าว
Front running เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจนในประเทศไทย โดยถูกควบคุมและลงโทษภายใต้ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) ซึ่งถือเป็นกฎหมายหลักในการกำกับดูแลตลาดทุน
ความผิดฐาน Front running มักถูกพิจารณาควบคู่ไปกับความผิดฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลภายในในทางมิชอบ (Insider Trading) และการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมีบทลงโทษทั้งทางอาญาและทางแพ่ง
1. โทษทางอาญา
การกระทำ Front running อาจเข้าข่ายความผิดฐานต่างๆ ในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีบทลงโทษที่รุนแรง เช่น
2. มาตรการลงโทษทางแพ่ง
นอกจากโทษทางอาญาแล้ว สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ยังมีมาตรการลงโทษทางแพ่งที่สามารถนำมาใช้ควบคู่กันได้ ซึ่งมีผลบังคับใช้กับผู้กระทำความผิดโดยตรงและมีความรุนแรงไม่แพ้กัน ได้แก่
มาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) เป็นบทบัญญัติที่กำหนดบทลงโทษในกรณีที่บุคคลกระทำความผิดเกี่ยวกับหลักทรัพย์
โดยสรุปแล้ว มาตรานี้ระบุว่าบุคคลที่กระทำความผิดตามมาตราต่างๆ ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ อาจต้องได้รับโทษ ปรับทางแพ่ง และอาจถูกสั่งห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ หรือห้ามเป็นผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนหรือบริษัทหลักทรัพย์
เมื่อมีการกระทำความผิดที่เข้าข่ายมาตรานี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีอำนาจในการใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด ซึ่งอาจประกอบด้วย:
มาตรา 315 นี้มักถูกนำมาใช้ประกอบกับมาตราอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่น การใช้ข้อมูลภายใน (Insider Trading) หรือการสร้างราคาหลักทรัพย์ (Market Manipulation) เพื่อให้การลงโทษมีความเด็ดขาดและครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งการลงโทษทางแพ่งนี้เป็นมาตรการที่แยกจากการดำเนินคดีอาญา เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น
1. การสูญเสียความไว้วางใจของผู้ลงทุน
หัวใจสำคัญของธุรกิจกองทุนรวมคือ ความไว้วางใจ ที่ผู้ลงทุนมีต่อบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) และผู้จัดการกองทุนในการบริหารเงินลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่การทำ Front Running เป็นการใช้ข้อมูลของลูกค้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ทำให้ผู้ลงทุนรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบและถูกทรยศความไว้วางใจที่มอบให้ ซึ่งเมื่อความไว้วางใจถูกทำลายแล้ว ยากที่จะกู้คืนกลับมา
2. การละเมิดหน้าที่และความรับผิดชอบ
ผู้จัดการกองทุนมี Fiduciary Duty หรือหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้รับมอบอำนาจที่จะต้องกระทำเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุนในกองทุนรวมเท่านั้น การทำ Front Running ถือเป็นการละเมิดหน้าที่นี้อย่างร้ายแรง เป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรมและผิดกฎหมาย ทำให้ผู้จัดการกองทุนหรือ บลจ. ที่เกี่ยวข้องอาจถูกลงโทษทางกฎหมายอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลเสียต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ขององค์กรอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
3. ผลกระทบต่อมูลค่าหน่วยลงทุน
การทำ Front Running อาจส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ที่กองทุนกำลังจะซื้อขาย ทำให้ราคาหลักทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ผู้กระทำความผิดต้องการ ส่งผลให้ต้นทุนการลงทุนของกองทุนสูงขึ้น หรือขายหลักทรัพย์ได้ในราคาที่ต่ำลง ซึ่งในที่สุดจะกระทบต่อผลตอบแทนและ มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของผู้ลงทุนในกองทุนรวม
4. การทำลายภาพรวมของอุตสาหกรรม
เมื่อมีกรณี Front Running เกิดขึ้น ข่าวสารจะถูกเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ลงทุนทั่วไปเกิดความคลางแคลงใจต่ออุตสาหกรรมกองทุนรวมทั้งหมด ไม่ใช่แค่เฉพาะ บลจ. ที่ทำผิดเท่านั้น ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนลดความสนใจในการลงทุนในกองทุนรวมโดยรวม และหันไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่มองว่ามีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือมากกว่า
เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว หน่วยงานกำกับดูแลอย่าง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด เช่น การออกกฎเกณฑ์ที่กำหนดให้ บลจ. มีระบบงานในการตรวจสอบการซื้อขายหลักทรัพย์ส่วนตัวของพนักงาน
รวมถึงการห้ามไม่ให้พนักงานที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ที่อยู่ในรายการลงทุนของกองทุน นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษที่รุนแรงทั้งทางอาญาและทางแพ่งสำหรับผู้ที่กระทำความผิดอีกด้วย