ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา บานปลาย กูรูคาด CBG รับแรงกดดันยอดขาย

24 ก.ค. 2568 | 06:13 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2568 | 06:13 น.

กูรูประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ฉุดความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศในระยะยาว พร้อมคาดเป็นผลลบต่อ CBG ที่มีรายได้จากกัมพูชา 15%

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) เปิดมุมมองต่อกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ว่า หลังจากความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความบานปลายในหลายพื้นที่ตะเข็บชายแดนโดยเฉพาะบริเวณชายแดนช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานีจึงทำให้รัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการตอบโต้

สถานการณ์นี้กำลังถูกจับตามองจากสื่อระหว่างประเทศ และอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศในระยะยาว รวมถึงอาจสร้างปัจจัยเสี่ยงเพิ่ม Downside ต่อ GDP ของไทยในช่วงครึ่งหลังปี 68 นี้ เป็นต้นไป

ทั้งนี้ จากตัวเลข NET EXPORTS (การค้าระหว่างประเทศ) ที่มีสัดส่วนราว 5% ของ GDP โดยกัมพูชามีดุลการค้ากับไทยราว 8 พันล้านดอลลาร์ ณ ปี 67 หากพิจารณา 10 สินค้าส่งออกมากสุดของไทยไปกัมพูชา ได้แก่

  • อัญมณีและเครื่องประดับ (ซึ่งส่วนใหญ่คือ ทองคำ) สัดส่วน 36.65%
  • น้ำมันสำเร็จรูป 13.71%
  • น้ำตาลทราย 5.13%
  • เครื่องดื่ม 4.58%
  • เคมีภัณฑ์ 2.55%

ซึ่งส่วนที่จะกระทบกับหุ้นในบริษัทจดทะเบียน (บจ.) น่าจะเป็นกลุ่มเครื่องดื่ม

โดยฝ่ายวิจัยคาดว่า CBG จะได้รับผลกระทบด้านลบ เนื่องจากมียอดขายเครื่องดื่มชูกำลังจากต่างประเทศหลัก มาจากประเทศกัมพูชา คิดเป็นสัดส่วนราว 37% ของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลัง และ 21% ของยอดขายทั้งหมด 
นอกจากนี้ CBG ยังมีแผนเข้าไปลงทุนสร้างโรงงานในกัมพูชาในรูปแบบการร่วมทุน (JV) ซึ่งตามแผนจะเริ่มผลิตได้ในต้นปี 69 

ส่วน OSP คาดได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากยอดขายในกัมพูชาคิดเป็นเพียง 1-2% ของยอดขายโดยรวม

ผลกระทบเศรษฐกิจจำกัด

ขณะที่ นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างไทยกับกัมพูชา ทางฝ่ายยังประเมินว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจจำกัด

เนื่องด้วยหากพิจารณาการส่งออกไทย 3 ประเทศหลักได้แก่ สหรัฐฯ (20%) จีน (12.5%) และ ญี่ปุ่น (7%) จะเห็นว่าทั้ง 3 ประเทศข้างต้นรวมกันแล้วกว่า 40% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดของไทย

ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวก็แทบไม่มีผลมากนัก เพราะนักท่องเที่ยวหลักของไทยมาจากประเทศมาเลเซีย จีน อินเดีย รัสเซีย และ เกาหลีใต้ เป็นหลัก

แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีผลกับบางบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้ในกัมพูชา อาทิ CBG ที่มีสัดส่วนรายได้จากกัมพูชา 15% รวมไปถึง SAV ที่ทำธุรกิจในกัมพูชา (วิทยุการบิน) เป็นต้น