นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีทิศทาง Sideway หลังจากดัชนีได้ปรับขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ก่อนนี้
โดยนักลงทุนยังคงติดตามผลการเจรจามาตรการภาษีระหว่างสหรัฐฯ-ไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าก่อนสหรัฐฯจะเริ่มเก็บภาษีไทยวันที่ 1 ส.ค.68 นี้ จะได้รับคำตอบการประกาศอัตราภาษีใหม่จากเดิมที่กำหนด 36% ประกอบกับติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาต่อเนื่องจนถึงวันที่ 14 ส.ค. 68 จึงให้กรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,180 - 1,230 จุด
ขณะที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีสินค้าจากประเทศจีนต่อเนื่อง ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ มีการประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping Tariff) ในอัตราเบื้องต้น 93.5% ต่อสินค้าแกรไฟต์เกรดแอโนด (Anode-grade Graphite) ที่นำเข้าจากประเทศจีน หลังจากสรุปว่าสินค้าดังกล่าวเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ถูกนำมาขายที่สหรัฐฯในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าปริมาณและมูลค่าการส่งออกตู้เย็นของประเทศไทยไปยังสหรัฐอเมริกาจะได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษี โดยประเมินเบื้องต้นอาจมีแนวโน้มที่จะหดตัว 3.3% หากไทยโดนสหรัฐอเมริกาเก็บภาษีในอัตรา 36% ตั้งแต่ 1 ส.ค. 2568 เป็นต้นไป
วันที่ 24 ก.ค.
สัปดาห์ที่ 4
วันที่ 31 ก.ค.
วันที่ 22 ก.ค.
วันที่ 23 ก.ค.
วันที่ 24 ก.ค.
วันที่ 29-30 ก.ค.
นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทางฝ่ายแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการทดสอบ (Sandbox) ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นได้จนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2568 สำหรับโครงการทดสอบ (Sandbox) หรือการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาท
และนำไปใช้จ่ายเพื่อส่งเสริมการนำนวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัลมาสนับสนุนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ รวมถึงเพื่อเพิ่มทางเลือกและความสะดวกของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และนำไปใช้จ่ายผ่านผู้ให้บริการ e-money โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าวได้แก่ JTS, BTC, XPG และ ZIGA
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้น จากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯเผยเตรียมส่งจดหมายเรียกเก็บภาษีต่อประเทศคู่ค้าขนาดเล็กของสหรัฐฯในอัตรา 10-15%
ขณะที่ EU เผยว่ากำลังพิจารณามาตรการตอบโต้ภาษีของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดสาขาดัลลัส ระบุว่า เฟดควรคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะ หลังสหรัฐฯเผยตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ปรับตัวขึ้นสูงกว่าคาดการณ์ เป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัด มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 3,310 – 3,390 ดอลลาร์/ออนซ์ หากไม่ผ่านแนวต้านให้ชะลอการลงทุน