ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ 2 ก.ค. 68 เปิดตลาด ณ เวลา 10.15 น. ที่ระดับ 1,110.67 จุด เพิ่มขึ้น 0.66 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.06% จากปิดตลาดก่อนหน้า กรอบการแกว่งตัวดัชนีสูงสุดและต่ำสุดที่ระดับ 1,112.35 - 1,104.30 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 6,485.42 ล้านบาท
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์การเมืองเริ่มนิ่งมากขึ้นหลังมีความชัดเจน จากนี้รอติดตามการพิจารณาของศาลอีกครั้ง ต่างประเทศเริ่มเผชิญแรงขาย อาจกดดัน SET
โดยตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิด 400 จุด (+0.9%) อย่างไรก็ตามดัชนี Nasdaq , S&P500 ปิดในแดนลบเพราะรับแรงกดดันจากหุ้น Tech ขนาดใหญ่ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.5% หลังมีข้อมูลว่าการผลิตของจีนกลับมาขยายตัวอีกครั้ง
เมื่อวานที่ผ่านมาศาลได้รับคำร้องจากวุฒิสภาเกี่ยวกับคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีและให้หยุดปฎิบัตหน้าที่ทันที หากอิงข้อมูลในอดีตพบว่าเคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้มาแล้วกับนายกตู่ (ศาลรับคำร้องและขอให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ทันที)
หลังจากนั้นได้แต่งตั้งรักษาการขึ้นมาแทน ทั้งนี้ช่วงเวลาในการหยุดปฎิบัติหน้าที่จนกระทั่งถึงช่วงที่ศาลกลับมาพิจารณาอีกรอบมักใช้ระยะเวลาราว 1-2 เดือน ส่วนอีกกรณี ได้แก่ นายกเศรษฐาแต่นายกเศรษฐาได้ปฎิบัติหน้าที่ต่อ
อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุดหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับกรณีนายกแพทองธารก็ต้องติดตามว่าท้ายที่สุดแล้วจะหลุดจากตำแหน่งหรือไม่ กรณีนายกเศรษฐาหลังจากศาลประกาศให้หลุดตำแหน่งพบว่าในวันดังกล่าว SET INDEX -0.4% และหลังจากนั้นก็ฟื้นตัวกลับมาได้เพราะว่าได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ (นายกแพทองธาร)
หากหลังจากนี้ศาลตัดสินว่านายกแพทองธารหลุดจากตำแหน่งก็จำเป็นจะต้องหานายกรัฐมนตรีใหม่ แต่ทั้งนี้ล่าสุดได้แต่งตั้ง สุริยะ จึงรุ่งเรื่องกิจ ขึ้นมาดำรงค์ตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี ทำให้นโยบายต่างๆยังคงขับเคลื่อนต่อไปได้ วานนี้เมื่อการเมืองชัดเจนมากขึ้นตลาดจึงตอบรับเชิงบวก
ส่วนสหรัฐฯ เมื่อวานนี้รายงานตำแหน่งเปิดรับสมัครงานที่ระดับ 7.77 ล้านตำแหน่งมากกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 7.3 ล้านตำแหน่ง พร้อมกับดัชนี PMI ภาคผลิตจากสถาบัน ISM ที่ระดับ 49 ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus คาดหมายไว้
คืนนี้รอติดตามการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP Bloomberg Consensus คาดหมายไว้ที่ 9.9 หมื่นราย วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1100 – 1120 อาจพักฐานบ้างหลังเมื่อวานปรับขึ้นมาแรง +1.8% และบรรยากาศรอบด้านเริ่มเป็นลบอาจสร้างแรงกดดันเชิงจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นไทย
ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนระยะสั้นอาจเลือกแบ่งทำกำไรแต่หากเป็นนักลงทุนระยะกลางขึ้นไปยังแนะรอจังหวสะสมช่วงย่อตัวเพราะมองไปข้างหน้ามีปัจจัยหนุนจากเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯผสานกับ Valuation หุ้นไทยที่ยังไม่แพง ยังเน้นที่หุ้นใหญ่ อาทิ ศูนย์การค้า (CPN) ค้าปลีก (CPALL HMPRO CRC) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD) ส่งออก (TU ITC)
TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 13.10 บาท)
MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
ไตรมาส 2/68 กำไรปกติจะเติบโตสูงจากไตรมาสก่อน และมีโอกาสเติบโตเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน หนุนจาก