สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นในตลาดหุ้น “หุ้น Turnaround” ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก หุ้นกลุ่มนี้เปรียบเสมือนเพชรในตมที่รอวันเปล่งประกาย เพราะเป็นหุ้นที่เคยประสบภาวะขาดทุน แต่มีศักยภาพที่จะพลิกฟื้นกลับมาทำกำไรและเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ในอนาคต
ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูง ดังนั้น การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและการวิเคราะห์อย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
หุ้น Turnaround คือ หุ้นที่ผลประกอบการเคยขาดทุนอย่างต่อเนื่อง แต่สามารถพลิกฟื้นกลับมามีกำไรได้สำเร็จ เปรียบเสมือน แสงสว่างใหม่สำหรับนักลงทุนที่ต้องการหุ้นดีราคาถูก ที่กำลังจะกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยทั่วไปหุ้นที่ขาดทุนสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
กลุ่มที่ 1 งบขาดทุนแต่มีโอกาสเติบโตสูง
หุ้นกลุ่มนี้มักเป็นธุรกิจที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น (Introduction) ที่กำลังลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต มีโอกาสสูงที่จะพลิกกลับมาทำกำไรและเติบโตอย่างก้าวกระโดด หุ้นที่ให้ผลตอบแทน 10 เด้งขึ้นไปส่วนใหญ่มักมาจากกลุ่มนี้
กลุ่มที่ 2 ขายธุรกิจที่ขาดทุนทิ้งไป
ธุรกิจหลักของบริษัทอาจยังดีอยู่ แต่มีธุรกิจย่อยบางส่วนที่ฉุดรั้งผลประกอบการ ซึ่งการ Turnaround ของหุ้นกลุ่มนี้ คือ การขายธุรกิจที่ไม่ทำกำไรทิ้งไป เพื่อให้ธุรกิจหลักสามารถดำเนินต่อไปได้ดีขึ้น
กลุ่มที่ 3 ธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง แต่ราคาขึ้น
หุ้นกลุ่มนี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องระวัง เพราะราคาที่ปรับขึ้นมาอาจเป็นเพียงความหวังชั่วคราว ไม่ใช่การ Turnaround ที่แท้จริง หลายบริษัทราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงมาก แต่ถ้าไม่รีบขายออก ราคาอาจกลับมาที่เดิมได้
โดยหุ้น Turnaround ของจริงมักอยู่ในกลุ่มที่ 1 และอาจรวมถึงกลุ่มที่ 2 หากพิสูจน์ได้ว่าธุรกิจหลักยังแข็งแกร่ง และยิ่งมีคุณสมบัติทั้ง 2 กลุ่มในหุ้นตัวเดียวกัน ยิ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูง
ตัวอย่าง หุ้น ABC ในอดีตที่พลิกจากธุรกิจโทรศัพท์บ้านที่ขาดทุน ไปลงทุนในธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และตัดขาดทุนธุรกิจเก่าทิ้งไป เมื่อธุรกิจเติบโตเต็มที่ก็ขายสินทรัพย์เข้ากองทุนiรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อจ่ายปันผล และก็ขายธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงออกไป
การหาหุ้น Turnaround ที่แท้จริง จำเป็นต้องพิจารณาสัญญาณปัญหาในงบการเงินก่อนเสมอ และเลือกหุ้นที่งบการเงิน เริ่มฟื้นตัวเพื่อความปลอดภัยในการลงทุน ปัญหาที่พบบ่อยในงบการเงิน มีดังนี้
ลงทุนเกินตัว
บริษัทลงทุนในธุรกิจที่ไม่ถนัดหรือซื้อกิจการมาแพงเกินไป แต่ผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาด
ผลประกอบการไม่มา (รายได้/กำไรไม่มา)
ทำให้ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) ลดลงต่อเนื่องหรือติดลบ ซึ่งหุ้นที่พลิกฟื้นควรจะเห็นสัญญาณการตัดขายธุรกิจที่ไม่จำเป็น หรือ ROA เพิ่มขึ้น
รายได้ลดลง
บริษัทที่มีรายได้ลดลงต่อเนื่องเพราะปัญหาการแข่งขันมักฟื้นตัวได้ยากแต่หากรายได้คงที่หรือเพิ่มขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากสินค้าของบริษัทยังอยู่ในความต้องการของตลาด โดยการจะฟื้นเมื่อไหร่ต้องดูอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ประกอบด้วย
อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)
สะท้อนปัญหาการแข่งขันหรือเป็นหุ้นวัฏจักร ซึ่งโดยทั่วไปไม่ถือเป็น Turnaround แต่อัตรากำไรขั้นต้นมีความสำคัญมากในการพิจารณาหุ้นที่ขาดทุนเพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นมักจะต่ำในช่วงแรก สัญญาณที่ดีในการดูงบ คือ รายได้เริ่มเพิ่มขึ้นพร้อมกับอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
มักเป็นต้นทุนคงที่ เมื่อยอดขายเพิ่ม สัดส่วนของค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะลดลง ทำ ให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ปัญหาหนี้สิน
หนี้สินมักเป็นปลายเหตุของปัญหาธุรกิจที่ไม่ดี ธุรกิจที่มีหนี้สูงไม่ได้แปลว่าแย่เสมอไป ถ้าธุรกิจดีและมีกระแสเงินสดที่สามารถจ่ายหนี้ได้ หรือหากบริษัทค่อย ๆ ทยอยจ่ายหนี้จะทำให้ดอกเบี้ยลดลง และกำไรเพิ่มขึ้นได้
สแกนแบบเน้น Turnaround (ธุรกิจอาจขาดทุน)
สแกนแบบเน้นหุ้นเติบโต (ธุรกิจมีกำไร)
หลังจากได้รายชื่อหุ้นมาแล้ว ควรติดตามข้อมูลข่าวสารและอ่านบทบทวิเคราะห์ประกอบ เพื่อทำความเข้าใจ Story และโอกาสการเติบโตของธุรกิจ หากข้อมูลไม่เพียงพอก็ให้ศึกษาหมายเหตุประกอบงบการเงิน หรือโทรสอบถามนักลงทุนสัมพันธ์ (IR) ของบริษัทนั้น
นอกจากตัวเลขในงบการเงินแล้ว สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ “ปัจจัยที่ไม่ใช่ตัวเลข” ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สามารถชี้ขาดได้ว่าบริษัทจะกลับมาเติบโตได้จริงหรือไม่ การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้การวิเคราะห์แม่นยำและรอบด้านมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม หุ้น Turnaround แม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็เป็นที่หมายปองของนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่สูง หากบริษัทสามารถเติบโตได้จริงตามแผนธุรกิจ การเรียนรู้การสแกนหุ้น Turnaround และการวิเคราะห์งบการเงินอย่างละเอียด จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างสบายใจและมีโอกาสประสบความสำเร็จ