เปิดการซื้อขายตลาดหุ้นไทยภาคเช้าวันนี้ 19 มิ.ย.68 ณ เวลา 10.07 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,084.14 จุด ลดลง 10.44 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.95 จุด นับตั้งแต่เปิดตลาดซื้อขายดัชนีแกว่งตัวในกรอบสูงสุดและต่ำสุดที่ระดับ 1,085.71 - 1,080.15 จุด มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 5,835.31 ล้านบาท
โดย 5 หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดในภาคเช้าวันนี้ ได้แก่
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากประเด็นทางการเมืองไทยที่เข้าสู่ภาวะวิกฤติที่อาจนำไปสู่การยุบสภา จาก 2 เหตุการณ์สำคัญ ได้แก่
ฉากทัศน์การเมืองที่เป็นไปได้ : ทางฝ่ายประเมินฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ ดังนี้
ไม่ว่าผลจะออกทางไหน ก็ดูไม่ค่อยดี : ทั้งฉากทัศน์ที่ 1, 3 และ 4 แม้สามารถแก้วิกฤติการเมืองระยะสั้นได้ แต่จะเจอข้อจำกัดในการผลักดันนโยบาย ส่วนฉากทัศน์ที่ 2 (ยุบสภา) จะทำให้รัฐบาลเข้าสู่สถานะรักษาการ เสี่ยงที่ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 จะล่าช้า ซึ่งกระทบต่อการเบิกจ่ายและเศรษฐกิจในช่วงที่โลกเผชิญแรงกดดันจากสงครามการค้า
หลีกเลี่ยงกลุ่ม Domestic : กลุ่มที่อิงการใช้จ่ายภาครัฐ (เช่น รับเหมาก่อสร้าง, สื่อสารขนาดเล็ก) และกลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ (ค้าปลีก, ธนาคาร, การเงิน) มีแนวโน้มได้รับผลกระทบในทุกฉากทัศน์ที่ไม่เป็นบวก ขณะที่กลุ่มหุ้นที่อิงเศรษฐกิจต่างประเทศ (พลังงาน, บรรจุภัณฑ์, ปิโตรเคมี) และกลุ่มสาธารณูปโภค (เช่น ไฟฟ้า) ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำด้านกำไร มีแนวโน้ม Outperform ตลาดในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางการเมือง
ผลกระทบต่อ GDP : ความล่าช้าของพ.ร.บ.งบประมาณ หรือขาดมาตรการที่เหมาะสมที่จะบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นภาษีการค้า จะทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการปรับลด GDP ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญความท้าทายภายนอกต่างๆ ทางฝ่ายมองหุ้นกลุ่มอิงปัจจัยนอกประเทศ อาทิ IVL, SCGP, RATCH, EGCO จะได้รับผลกระทบจำกัดมากที่สุด
ภาพรวมกลยุทธ์ แกว่งตัวในกรอบ 1,080 - 1,150 จุด เข้าสู่โหมดระมัดระวัง แนะนำหมุนเงินลงทุนถือเงินสด หรือหมุนเงินลงทุนมายังกลุ่ม External และ Defensive อาทิ IVL, SCGP, RATCH และ EGCO หากราคาปรับลดลงมาตามตลาด เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองในประเทศมากนัก
แนวรับ : 1,080 จุด
แนวต้าน : 1,150 จุด
สัดส่วนลงทุน : เงินสด 50% และพอร์ตหุ้น 50%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)