SAMTEL ปักธงรายได้ปี 68 ทำนิวไฮในรอบ 5 ปี ทะลุ 6.5 พันล้าน

16 มิ.ย. 2568 | 12:12 น.
อัปเดตล่าสุด :16 มิ.ย. 2568 | 12:12 น.

"วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์" บิ๊กบอส SAMTEL ตั้งเป้าปี 68 เซ็นทะลุหมื่นล้าน ดันรายได้รวมสิ้นปียืนเหนือ 6.5 พันล้าน สูงสุดในรอบ 5 ปี พร้อมเดินหน้าขยายตลาดและโซลูชันดิจิทัลครบวงจร รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลทั้งภาครัฐและเอกชน

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมทั้ง 68 ปีนี้จะทะลุ 6,500 ล้านบาท ประกอบด้วยฐานรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) สูงสุดแตะ 44% เป็นสถิติสัดส่วนรายได้ประจำสูงสุด นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,335.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 909.79 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 52.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 15.60 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ณ สิ้นเดือนพ.ค.68 มีการเติบโตค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ

โดยบริษัทมีการเซ็นสัญญา รวมถึงชนะงานโครงการใหม่ไปแล้วรวมกว่า 4,000 ล้านบาท อาทิ โครงการที่ดำเนินการกับ บมจ.ท่าอากาศยานไทย, บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นต้น ซึ่งคิดเป็นรวมมูลค่างานในมือรอการรับรู้รายได้ (Backlog) แล้วกว่า 7,500 ล้านบาท

เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการลงทุนอย่างต่อเนื่องของภาครัฐในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และ ICT บริษัทคาดว่าต่อจากนี้จะยังคงมีโอกาสได้งานเพิ่มเติมต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าได้งานใหม่เพิ่มอีกกว่า 6,000 ล้านบาท ในช่วงที่เหลือของปี 68 นี้ ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทมีโอกาสเซ็นสัญญาทะลุ 10,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี

SAMTEL ปักธงรายได้ปี 68 ทำนิวไฮในรอบ 5 ปี ทะลุ 6.5 พันล้าน

"ในช่วงไตรมาสที่ 2/68 บริษัทฯ ได้รับการปรับเพิ่มระดับเครดิตจากเดิม BBB (ทริปเปิ้ลบี) เป็น BBB+ (ทริปเปิ้ลบี พลัส) จาก Tris Rating สถาบันจัดอันดับเครดิตชั้นนำของไทย สะท้อนถึงแนวโน้มธุรกิจที่ดี และมั่นคงขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของบริษัท และแนวโน้มการลงทุนที่เติบโตต่อเนื่องของอุตสาหกรรม"

มุ่ง Outsourcing Services ครบวงจร  

จากนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยี เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล องค์กรต่างๆ ที่ต้องเร่งปรับตัวสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ในการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม และสรรหาบุคลากรที่มีความชำนาญ

ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านเทคโนโลยีกับองค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนมาต่อเนื่องยาวนาน บริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาสในการนำเสนอบริการ Outsourcing Services แบบครบวงจร (One Stop Service) เพื่อสนับสนุนให้องค์กรสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างรวดเร็ว

อีกทั้งเป็นการลดภาระด้านการลงทุน และเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน โดยร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลก พร้อมส่งมอบบริการครบวงจรให้แก่ลูกค้าในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ (Design) การติดตั้งและพัฒนา (Implement) การดำเนินงาน (Operate) ไปจนถึงการบำรุงรักษา (Maintenance)

พร้อมตอบโจทย์ด้วยบริการด้านเทคโนโลยีที่หลากหลายครอบคลุมทุกภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ โซลูชันการพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลง, โซลูชันด้านการระวังความปลอดภัยทั้งในเชิงกายภาพ และความปลอดภัยทางไซเบอร์, โซลูชันด้านการเงิน การธนาคาร, โซลูชันที่อำนวยความสะดวกในภาคขนส่ง ตลอดจนโซลูชันที่ช่วยภาครัฐในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมและภาษี เป็นต้น 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายตลาดของบริการระบบ ERP ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ นอกเหนือจากกลุ่มสาธารณูปโภคเดิม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของรายได้ประจำ อีกทั้งบริษัทยังมุ่งพัฒนาโซลูชันด้านสิ่งแวดล้อม และพลังงานสะอาด รองรับเทรนด์ความยั่งยืน (Sustainability)

โดยมีแผนดำเนินโครงการภายใต้รูปแบบ Power Purchasing Agreement (PPA) เพื่อจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการดำเนินโครงการระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษระยะไกล (Remote Pollution Monitoring & Early Warning System) ที่ได้ดำเนินการให้กับการนิคมอุตสาหกรรรมอีกด้วย 

ชูมาตรฐานระดับโลก

SAMTEL ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และพันธมิตรธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ และในเครือได้รับการรับรองมาตรฐานสำคัญ อาทิ

  • ISO 9001: ระบบบริหารคุณภาพ
  • ISO 29110: มาตรฐานพัฒนาซอฟต์แวร์
  • ISO 20000: มาตรฐานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ
  • ISO 27001: มาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ

“นอกจากมาตรฐานด้านเทคโนโลยีและการให้บริการระดับโลกที่เราให้ความสำคัญแล้ว    กลุ่มบริษัทสามารถเทลคอม ยังได้วางแนวทางการดำเนินธุรกิจ “Leading to Sustainable future” เพื่อเตรียมรับทิศทางการเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยื่น โดยมุ่งมั่นพัฒนา และนำเสนอโซลูชัน และบริการที่ดีเลิศ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร ควบคู่กับการใส่ใจสังคม สิ่งแวดล้อม เพื่อเพื่อสนับสนุนองค์กรสู่อนาคตอย่างยั่งยืน” นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้าย