ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ 16 มิ.ย.68 ปิดการซื้อขายภาคเช้า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,112.70 จุด ลดลง 10.00 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.89% กรอบการแกว่งตัวสูงสุดและต่ำสุดของดัชนีที่ระดับ 1,123.83 - 1,107.79 จุด มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 42,301.91 ล้านบาท
โดยการซื้อขายในภาคเช้าวันนี้ พบ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP และ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 2 บริษัท ของการจัดอันดับมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก
PTTEP ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 114.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 0.88% ในช่วงเปิดตลาดการซื้อขายภาคเช้าราคาหุ้นแกว่งตัวในกรอบสูงสุดและต่ำสุดที่ระดับ 117.00 - 113.00 บาท มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 1,383.40 ล้านบาท
ขณะที่ GULF ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 43.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 0.58% ในช่วงเปิดตลาดการซื้อขายภาคเช้าราคาหุ้นแกว่งตัวในกรอบสูงสุดและต่ำสุดที่ระดับ 43.00 - 41.50 บาท มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 3,286.07 ล้านบาท
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน–อิสราเอลอาจลุกลามจนกระทบการขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งมีปริมาณขนส่งน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์รวมกว่า 20% ของการบริโภคน้ำมันทั่วโลก และ LNG อีก 20% ของโลก
โดยแม้บางประเทศมีท่อส่งน้ำมันทางเลือก แต่กำลังการขนส่งยังไม่เพียงพอ หากเกิดการปิดช่องแคบ ราคาน้ำมันและก๊าซจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากข้อมูลในอดีต ราคาน้ำมันในช่วงเกิดสงครามมักพุ่งขึ้นทันที 10 – 119% และยืนในระดับสูงต่อเนื่อง 2–24 เดือน แม้เหตุการณ์ล่าสุด เช่น สงครามอิสราเอล-ฮามาสในปี 2023 จะส่งผลต่อราคาน้ำมันเพียง 10–20% แต่ความเสี่ยงกรณีอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซจะมีนัยสำคัญมากกว่า
การวิเคราะห์เชิง Sensitivity ชี้ว่า หากราคาน้ำมันดิบดูไบสูงกว่าสมมติฐานในกรณีฐานที่ 66 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งทุก ๆ 1 ดอลลาร์/บาร์เรล จะเปิด Upside ต่อกำไรปี 68 ของหุ้นกลุ่มพลังงานไทย 2–13% และหากค่าการกลั่น (GRM) สูงกว่าฐานที่ 5 ดอลลาร์/บาร์เรล ทุก ๆ 0.5 ดอลลาร์/บาร์เรล จะเพิ่มกำไรปี 68 ได้อีก 2–51% สำหรับกลุ่มโรงกลั่น ขณะที่ PTT อาจเผชิญ Downside ราว 3% ต่อทุกๆ การเพิ่มขึ้นของ pooled gas price ที่ 0.3/MMbtu
ในแง่ของ Fundamental view ทางฝ่ายมองเหตุการณ์นี้เป็นโอกาสเชิง Tactical สำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นพลังงาน PTT, PTTEP และกลุ่มโรงกลั่น (TOP BCP IRPC SPRC) จากโอกาสราคาน้ำมันและ GRM ปรับตัวขึ้น แต่ต้องจับตาว่าเหตุการณ์จะลุกลามหรือคลี่คลายเพียงใดในช่วงครึ่งหลังปี 68
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า จากประเด็นอิสราเอลและอิหร่านยังคงระดมยิงใส่ดินแดนของกันและกันอย่างหนักมาตั้งแต่วันศุกร์ (อิสราเอลเริ่มปฎิบัติการ) สถานการณ์นี้ เป็นลบต่อตลาด เพราะอาจไม่ได้คาดว่าจะมีการตอบโต้
แม้ฝ่ายวิจัยจะมองว่าศักยภาพในการตอบโต้ของอิหร่าจะมีจำกัด และอิสราเอล น่าจะพยายามเลี่ยงแหล่งผลิตน้ำมันของอิหร่าน (อิหร่านผลิตน้ำมัน 3.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 3% ของการผลิตทั่วโลก) ซึ่งไม่มาก แต่หากมีการปิดช่องแคบฮอลมุส อิสราเอลและสหรัฐฯ จะคุมเกมส์นี้ยากขึ้น
ดังนั้ง ฝ่ายวิจัยมองเป็นลบต้อตลาดหุ้นโดยรวม แต่จะดีต่อสินทรัพย์หลัก คือ ราคาหุ้นน้ำมัน (PTTEP) และทองคำ ส่วนปิโตรเคมีและผู้ใช้น้ำมัน ในธุรกิจอื่นๆ จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
พร้อมกันนี้ ฝ่ายวิจัยมองว่าเนื่องจากการปรับตัวลงของ SET อย่างต่อเนื่อง จนเริ่มมีภาวะ Over sold แล้ว ทำให้ระสั้นอาจจะเกิด เทคนิเคลรีบาวน์บริเวณ 1100-1122 จุด อาจอาศัยจังหวะเก็งกำไรในหุ้นที่ปรับตัวลงมาแรงๆได้ เช่นกลุ่ม Domestic play และ ICT ฝ่ายวิจัยชอบ SCB, KBANK, CPALL, ADVANC, GULF
จากปัจจัยดังกล่าวอาจเป็นแรงหนุนให้ราคา PTTEP และ GULF ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางดัชนีตลาดหุ้นในวันนี้