กูรูมองบวกรัฐเบรกแจกเงินดิจิทัล! เบนเข็มงบ 1.57 แสนล้าน ดัน GDP โต

21 พ.ค. 2568 | 00:00 น.

โบรกชี้รัฐชะลอแจกเงินดิจิทัล โยกเม็ดเงิน 1.57 แสนล้าน สู่แผนลงทุนใหญ่ หวังสร้างแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาว

จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (20 พฤษภาคม 2568) มีมติ เห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำและคมนาคม การท่องเที่ยว การลดผลกระทบส่งออกและเพิ่มผลิตภาพ เศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) เปิดเผยว่า กรณีการชะลอโครงการการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ออกไปก่อนของภาครัฐ โดยจะดึงเอาเงินส่วนดังกล่าวไปลงทุนในโครงการอื่นๆ กระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท

ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดี หากจะนำเอางบประมาณดังกล่าวเข้ามาลงทุนในโครงการอื่นๆ ทั้ง 1.โครงสร้างพื้นฐาน  2.การท่องเที่ยว 3. ลดผลกระทบภาคการส่งออก/เพิ่มผลิตภาพ และ 4. เศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ เชื่อว่าเม็ดเงินจากการลงทุนดังกล่าวจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะกลางและยาวได้
 

ดีกว่าเมื่อเทียบกับการเงินลงทุนไปใช้กับโครงการการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งจะมีผลเชิงบวกต่อกำลังซื้อของประชาชนในประเทศแค่เพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น อีกทั้งมองว่ากำลังซื้อดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนเช่นนี้ได้

แต่แน่นอนว่าเมื่อโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 และ 4 ถูกชะลอไปก่อน ก็อาจส่งผลเชิงลบต่อจิตวิทยาการลงทุนโดยเฉพาะกลุ่มหุ้นค้าปลีก ที่คาดกว่าจะได้รับอานิสงส์จากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน แต่อย่างไรก็ดี ด้วยการที่การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตถูกแบ่งออกเป็นหลายเฟส ทำให้ความคาดหวังของตลาดก็ลดลงไป

"การชะลอการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น มองว่ามีผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มค้าปลีกมองว่าก็มีแต่เล็กน้อยมากแล้ว เพราะการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตถูกแบ่งออกเป็นหลายเฟส ตลาดจึงลดโทนความคาดหวังลงไปมากแล้ว แต่เป็นผลดีกับเศรษฐกิจโดยรวม เพราะการดึงเงินลงทุนไปใช้ในโครงการอื่นๆ จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและ GDP ไทยในระยะกลางและยาวได้มากกว่า"

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า การที่รัฐบาลตัดสินใจชะลอโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 ตามที่หลายฝ่ายคาด อาจทำให้เกิดการโยกจากกลุ่มอิงเศรษฐกิจในประเทศ ไปยังหุ้นอิงปัจจัยภายนอก

โดยการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ มีมติเลื่อนโครงการตามคาด กระทบต่อจิตวิทยากลุ่มค้าปลีก รวมถึงกลุ่มการเงิน (Finance) ประกอบกับช่วงไตรมาส 2 เป็นโลว์ซีซัน ของการใช้จ่ายในประเทศ แต่เป็นไฮซีซัน ของหุ้นอิงปัจจัยภายนอก อาทิ พลังงาน, โรงกลั่น, ปิโตรเคมี

ส่งผลทำให้ทางฝ่ายมองว่าอาจทำให้เกิดการโยกเงินเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มอิงปัจจัยภายนอกได้ โดยทางฝ่ายมองหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ PTTEP, PTT, TOP, SPRC, PTTGC และ IVL เป็นต้น สำหรับภาพรวมกลยุทธ์ บรรยากาศการเก็งกำไรของหุ้นรายตัวยังบวกหากไม่หลุด 1,181 จุด เลือกเก็งกำไรรายตัวในลักษณะซื้อเมื่ออ่อนตัว

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายประเมินกรอบดัชนี SET Index สัปดาห์นี้ไว้ที่ระดับ แนวรับ 1,181 และ แนวต้าน 1,200 จุด โดยสัดส่วนลงทุนแนะนำคงสัดส่วนเงินสด 50% และพอร์ตหุ้น 50%