หากพูดถึงหุ้นบิ๊กแคปที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ซึ่งทุกความผันผวนของราคาหุ้นส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ไม่น้อย
หากเทียบมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ณ วันที่ 2 ม.ค. 2568 ของ DELTA อยู่ที่ 1,733,860.44 ล้านบาท แต่ ณ วันที่ 13 พ.ค. มูลค่าตามราคาตลาดของหุ้น DELTA ลดลงเหลือเพียง 1,334,698.33 ล้านบาท ลดลง 399,162.11 ล้านบาท หรือคิดเป็น -23.02% จากมาร์เก็ตแคปวันแรกของการซื้อขายในปีนี้
แม้มูลค่าตามราคาตลาดของหุ้น DELTA จะยังคงครองตำแหน่งอันดับ 1 แบบที่ยังไม่มีใครแซงได้ แต่มาร์เก็ตแคปที่วูบไปก็น่าใจหายไม่น้อย เพราะในช่วงพีคสุดของ DELTA มูลค่าตลาดเคยขึ้นไปสูงถึง 2,039,468.94 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับว่าหายไปแล้วถึง 704,770.61 ล้านบาท หรือคิดเป็น -34.55% จากจุดสูงสุดถึงปัจจุบัน
ในแง่ของราคาหุ้น ตั้งแต่เปิดต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน หรือกว่า 87 วันทำการแรกของปีนี้ จะเห็นได้ว่าความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น DELTA ผันผวนค่อนข้างมาก โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 159.00 บาท และลดลงต่ำสุดที่ 51.25 บาท
เปิดปีในการซื้อขายวันแรก (2 ม.ค.) ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 152.50 บาท แต่เพียงแค่วันเดียวราคาหุ้นดิ่งหนักถึง 13.50 บาท หรือคิดเป็น 8.85% ทำให้ราคาหุ้นปิดตลาดลงมาอยู่ที่ 139.00 บาท หลังจากนั้นราคาหุ้นพยายามสร้างฐานใหม่ แต่ก็ไม่สามารถไปได้ไกลมากนัก ก่อนจะถอยลงอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาในวันที่ 17 ก.พ. หลังจาก DELTA ประกาศผลการดำเนินงานปี 2567 ออกมาไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาด ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงหนักอีกครั้งถึง 26.50 บาท หรือคิดเป็นกว่า 23.45% ทำให้ ณ สิ้นวันดังกล่าว ราคาหุ้นปรับตัวลงมาอยู่ที่ 86.50 บาท
แม้ในช่วงเดือน เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา จะมีแรงซื้อหนุนให้ DELTA กลับมายืนที่ระดับใกล้ 100 บาทในช่วงสิ้นเดือน แต่ ณ วันที่ 13 พ.ค. ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 107.00 บาท และยังไม่สามารถฟื้นกลับไปที่จุดเดิมได้ ซึ่งในจุดนี้อาจต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ศักยภาพอีกครั้ง
และหากใครเข้าซื้อทันในช่วงราคาลงมาจุดต่ำสุดที่ 51.25 บาท และถืออย่างอดทนมาจนถึงวันที่ 13 พ.ค. 2568 ที่ราคาปิดตลาดอยู่ที่ 107.00 บาทแล้วล่ะก็... จะสามารถเก็บกำไรส่วนต่างได้ถึง 55.75 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 108.78% จากจุดต่ำสุด
อย่างไรก็ตาม ด้วยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้าที่ยังไม่คลี่คลาย ทำให้แนวโน้มการค้าขายหลังจากนี้อาจไม่เหมือนเดิม และยังต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แม้บริษัทแม่ของ DELTA จะมีโรงงานในสหรัฐฯ แล้ว แต่ยังมีความเสี่ยงที่ไทยอาจถูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มเติม