Liberator คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวกรอบ 1,200 - 1,220 จุด

09 พ.ค. 2568 | 03:05 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ค. 2568 | 03:05 น.

บล.ลิเบอเรเตอร์ คาดดัชนีฟื้นตัว ในกรอบ 1,200 - 1,220 จุด ขานรับข้อตกลงการค้าเบื้องต้น สหรัฐฯ-อังกฤษ หนุนแรงเก็งกำไรตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ 9 พ.ค.68 ว่า คาดดัชนีฟื้นตัว ในกรอบ 1,200 - 1,220 จุด ขานรับข้อตกลงการค้าเบื้องต้นระหว่าง สหรัฐฯกับอังกฤษ กระตุ้นความคืบหน้าการค้ากับประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม ขณะที่ในประเทศ การทยอยประกาศงบยังอยู่ในเกฑณ์ที่ดี คาดเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม 

โดยตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมีแรงเก็งกำไรมากยิ่งขึ้น ขานรับข้อตกลงทางการค้าเบื้องต้นระหว่างสหรัฐฯ กับสหราชอาณาจักร (UK) โดยมีสาระสำคัญ เช่น สหรัฐฯ จะลดภาษีการนำเข้ารถยนต์จาก UK จาก 27.5% เหลือ 10% สำหรับรถยนต์ 1 แสนคันแรก

และมีการยกเลิกภาษีนำเข้าเหล็ก & อลูมิเนียม จากที่เคยอยู่ที่ระดับ 25% ด้าน UK จะยกเลิกภาษีนำเข้าเอทานอลจากสหรัฐฯ ที่เคยอยู่ที่ 19% รวมถึงจะเปิดตลาดผลิตภัณฑ์เกษตรของสหรัฐฯ เช่น เนื้อวัว & เอทานอล

แม้รายละเอียดต่างๆ ในข้อตกลงนี้อาจจะยังไม่มากนัก ซึ่งคงต้องติดตามเพิ่มเติมในช่วงถัดไป แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ช่วยสร้างความหวังต่อการผ่อนคลายทางการค้ามากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ประเด็นถัดไปคงต้องเกาะติดการเจรจากันระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ รมว.คลังของสหรัฐฯ จะพบกับรองนายกรัฐมนตรีของจีนที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งหากการเจรจามาทิศทางในเชิงบวกจะเป็นแรงกระตุ้นการกลับมาเก็งกำไรในตลาดหุ้นทั่วโลกมากยิ่งขึ้น

ส่วนการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) วานนี้มีมติลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.25% ท่ามกลางความกังวลความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยคาด UK GDP ปีนี้และปีหน้าที่ 1%, 1,25% ส่วนเงินเฟ้อคาดสูงสุดที่ 3.5% ในช่วงไตรมาส 3/68

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ การทยอยรายงานงบในกลุ่ม real sector อยู่ในเกณฑ์ที่ดี คาดจะช่วยขับเคลื่อน SET ฟื้นต่อ โดยประเมินแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,220 จุด แนะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี ที่ Valuation ไม่แพง       

ปัจจัยที่ต้องจับตา

09 พ.ค.68 ยอดส่งออกของจีน
13 พ.ค.68 ดัชนี CPI สหรัฐฯ 
14 พ.ค.68 สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐฯ 

หุ้นเด่นแนะนำ

GPSC ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 35.25 บาท

  • รายงานกำไรไตรมาส 1/68 ที่ 1,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และเติบโต 14% จากไตรมาสก่อน เป็นไปตามที่เราคาด แต่ดีกว่าตลาดคาดราว 10%
  • จากแนวโน้มราคาก๊าซชะลอต่อเนื่อง หนุนอัตราการทำกำไรดีขึ้น ผสานแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมที่ดีขึ้น เป็นแรงขับเคลื่อนเพิ่มเติม
  • ราคาหุ้นตอบรับแรงกดดันจากการที่ภาครัฐฯพยายามปรับลดราคาค่าไฟฟ้าไปมากแล้ว