Liberator ส่องตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวต่อ กรอบ 1,200-1,250 จุด

08 พ.ค. 2568 | 03:02 น.
อัปเดตล่าสุด :08 พ.ค. 2568 | 03:03 น.

บล.ลิเบอเรเตอร์ คาด SET Index วันนี้ ฟื้นตัวต่อ ในกรอบ 1,200-1,250 จุด ความคาดหวังบวกต่อการเจรจาการค้ากระตุ้นแรงเก็งสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ 8 พ.ค.68 ว่า ความคาดหวังบวกต่อการเจรจาการค้ากระตุ้นแรงเก็งสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น หนุนบรรยากาศในการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวได้ต่อ ประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ 1,200 - 1,250 จุด

สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับบรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลกมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ขานรับความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศต่างๆ โดยคาดจะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า

ประกอบกับการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ดูท่าทีเริ่มมีความหวัง โดยนาย สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ เตรียมเดินทางไปยังสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อพบกับ เหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีนในช่วงปลายสัปดาห์นี้

ผสานข่าวบวกจากจีน ที่ล่าสุดธนาคารกลางจีน (PBOC) ตัดสินใจปรับลด RRR ลง 0.5% เพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบเพิ่มเติม และปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืน (reverse repurchase rate) อายุ 7 วัน ลงสู่ระดับ 1.4% จาก 1.5% เป็นจิตวิทยาเชิงบวกมากยิ่งขึ้น

ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติคงอัตราดอกบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25%-4.50% ตามคาด โดยยังมีความกังวลต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และความเสี่ยงต่อการเกิด Stagflation (เงินเฟ้อและอัตราการว่างงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ท่ามกลางภาพเศรษฐกิจมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย)

อย่างไรก็ดี การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงถัดไปยังมีความเป็นไปได้หากข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ สนับสนุน ดังนั้นคงต้องเกาะติดการเจรจาการค้าและตัวเลขเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด

ส่วน SET ฟื้นเด่นทะลุต้าน EMA75 ที่ 1,220 จุด คาดยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อ โดยแนะทยอยสะสมหุ้นที่คาดงบเติบโตดี และมี Valuation ในระดับที่ไม่แพง 

ปัจจัยที่ต้องจับตา

08 พ.ค.68

  • การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)
  • ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
  • รายสัปดาห์สหรัฐฯ

09 พ.ค.68

  • ยอดส่งออกของจีน

หุ้นเด่นแนะนำ

GULF ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60.00 บาท

  • แนวโน้มธุรกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยเป็น Holding ที่ครอบคลุมทั้งธุรกิจพลังงาน, โครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจดิจิตอล (Data center, Cloud, AI) โดยคาดกำไรปีนี้จะเติบโตราว +15%
  • ฐานะการเงินแข็งแกร่งหลังจากควบรวมกับ INTUCH ส่งผลให้ D/E ratio ลดลงสู่ระดับ 0.8 เท่า จากเดิมที่ 1.8 เท่า ผสานศักยภาพการเติบโตในอนาคตยังมีต่อเนื่อง