ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงาน วางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ความผันผวนตลาดหุ้นในปัจจุบันนั้น ไม่ใช่เพียงตลาดหุ้นไทยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
ปัจจัยหลักๆ ยังคงเป็นผลมาจากการงัดข้อกันของประเทศยักษ์ใหญ่ นโยบายเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความกังวลต่อการถดถอยลงของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า และส่งครามการเงิน
ตลาดหุ้นไทยก็เหมือนเรือเล็กที่กำลังเผชิญกับคลื่นใหญ่ การผันผวนไปตามคลื่นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เชื่อว่าในวันนี้ SET Index ปรับตัวลงมาต่ำมากเกินกว่าที่ควรจะเป็นแล้ว การซื้อขายถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์เป็นหลัก นักลงทุนค่อนข้างอ่อนไหวง่าย ทำให้ตลาดหุ้นไทยยิ่งเปราะบาง
และด้วยปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลให้ปริมาณบริษัทจดทะเบียนที่จะเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นไทยไตรมาส 1/2568 ลดลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน เชื่อว่าภาพเศรษฐกิจความกังวลต่างๆ ถูกสะท้อนออกมาให้เห็นภาพแล้ว
"จากนี้คงต้องรอดูเศรษฐกิจในภาพใหญ่ว่าจะเป็นไปในทิศทางใดต่อไป โดยเฉพาะเรื่อง Reciprocal Tariffs ของทรัมป์ หลังจากที่หดเวลาผ่อนผัน 90 วันไปแล้วจะปรับอัตราภาษีนำเข้าของนานาประเทศในระดับที่เท่าไหร่ ต้องยอมรับว่าการประเมินทำได้ยากในเวลานี้ เพราะเดาทางทรัมป์ไม่ถูก"
ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูล พบว่าบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยในปี 2568 ดูจะไม่ค่อยเป็นใจนัก เปิดต้นปีมาดัชนี SET Index ผันผวนแดนลบมาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าเปิดตลาดหุ้นไทยวันแรกที่ระดับ 1,397.93 จุด และปิดจบวันสุดท้ายของไตรมาส 1/2568 ด้วยระดับ 1,158.09 จุด ลดลงกว่า 239.84 หรือเปลี่ยนแปลง -17.15%
ในแง่มูลค่าการซื้อขายนับตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2568 หรือคิดเป็น 62 วันทำการ รวมทั้งสิ้น 2,617,915.07 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 142,835.51 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง -5.17% จากเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนที่มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 2,760,750.58 ล้านบาท
หากแบ่งมูลค่าการซื้อขายในไตรมาส 1/2568 ตามประเภทนักลงทุน พบว่า กลุ่มนักลงทุนสถาบัน บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และ นักลงทุนต่างประเทศ มีสถานะขายสุทธิ รวม 55,049.12 ล้านบาท แบ่งเป็น 5,155.56 ล้านบาท, 10,026.32 ล้านบาท และ 39,867.24 ล้านบาท ตามลำดับ มีเพียงนักลงทุนในประเทศที่มีสถานะซื้อสุทธิ 55,049.12 ล้านบาท
ตลอดช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญกับหลายปัจจัยที่หนักหน่วง ทั้งเรื่องของความเชื่อมั่นนักลงทุนที่ลดน้อยถอยลง และโดยเฉพาะปัจจัยภายนอกที่ไม่อาจควบคุมได้อย่างสงครามการค้า-สงครามการเงิน ที่ไม่เพียงการทะต่อเศรษฐกิจไทยแต่ทั่วโลกต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
ส่งผลให้จำนวนแผนการเดินหน้าเข้าระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2568 มีหุ้น IPO เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเพียง 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS และบริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MOTHER
โดยหุ้น PIS ราคา IPO อยู่ที่ 3.00 บาท ราคาปิดตลาด ณ สิ้นวันซื้อขายวันแรก 20 มกราคม 2568 ที่ระดับ 3.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.6 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 20% ขณะที่ราคาหุ้น ณ วันที่ 18 เมษายน อยู่ที่ระดับ 4.88 บาท เพิ่มขึ้น 1.88 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 62.66% จากราคา IPO
ส่วนหุ้น MOTHER ราคา IPO อยู่ที่ 1.40 บาท ราคาปิดตลาด ณ สิ้นวันซื้อขายวันแรก 11 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ระดับ 1.61 บาท เพิ่มขึ้น 0.2 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 15% ขณะที่ราคาหุ้น ณ วันที่ 18 เมษายน อยู่ที่ระดับ 0.76 บาท ลดลง 0.64 บาท หรือเปลี่ยนแปลง -45.71% จากราคา IPO
ในขณะที่ไตรมาส 1/2567 มีบริษัทจดทะเบียนเริ่มเปิดการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย จำนวน 7 หลักทรัพย์ แบ่งเป็นในตลาด SET จำนวน 4 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ ADVICE, ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT, บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL และ บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI
ส่วนอีก 3 หลักทรัพย์ เข้าซื้อขายในตลาด เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้แก่ บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EURO, บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT และ บริษัท เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PANEL เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่เข้ามาทำการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยปี 2568 ลดลงกว่าครึ่งเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2567 ซึ่งหากรวมทั้งปีมีจำนวนหุ้น IPO น้องใหม่ที่เข้ามาระดมทุนรวม 32 หลักทรัพย์ แบ่งเป็นในตลาด SET จำนวน 14 หลักทรัพย์ และตลาด mai จำนวน 18 หลักทรัพย์
ทั้งนี้ ในช่วงที่เหลือของปี 2568 ยังมีหุ้น IPO น้องใหม่ที่เตรียมเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นไทยอีก 22 หลักทรัพย์ แบ่งเป็น ตลาด SET 6 หลักทรัพย์ สถานะปัจจุบันได้รับอนุญาตแบบคำขอให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่แล้ว (Approved) จำนวน 3 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย
และมีสถานะบริษัทยื่นแบบ filing ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว (Submitted) จำนวน 3 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย
ขณะที่หุ้น IPO น้องใหม่ที่เตรียมเข้ามาระดมทุนในตลาด mai ในช่วงที่เหลือของปี 2568 นี้ มีจำนวน 16 หลักทรัพย์ โดยมีสถานะ แบบ Filing ของบริษัทมีผลบังคับใช้ (Effective) แล้ว จำนวน 1 หลักทรัพย์ คือ บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA ราคา IPO ที่ 1.80 บาท คาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายวันแรก ในวันที่ 22 เมษายน 2568 นี้
จากการสอบถาม นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA เผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าในการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ mai แม้ว่าสวาวะตลาดในปัจจุบันจะมีความผันผวน แต่เชื่อมั่นว่าด้วยธุรกิจที่มีโอกาสในการเติบโต และมีศักยภาพ จะสร้างการเติบโตให้กับผลการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนหุ้น IPO ที่เตรียมเข้ามาระดมทุนในตลาด mai ที่มีสถานะ Approved จำนวน 7 หลักทรัพย์ ได้แก่
และหุ้น IPO ที่เตรียมเข้ามาระดมทุนในตลาด mai ที่มีสถานะ Submitted จำนวน 8 หลักทรัพย์ ได้แก่
อย่างไรก็ตาม ยังเป็นที่น่าจับตามองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีหุ้น IPO จะเข้ามาช่วยสร้างสีสันให้กับตลาดหุ้นไทยอีกมากน้อยแค่ไหน ในสภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังต้องเผชิญหน้ากับความผันผวนและไม่แน่นอน