บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า สืบเนื่องจากการรายงานผลประกอบการประจำปี 67 ของบริษัทที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 68 ส่งผลให้เกิดความผันผวนในการซื้อขายและราคาหลักทรัพย์ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญในวันเปิดทำการต่อมา
บริษัทจึงขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/67 เพื่อประกอบการพิจารณาของนักลงทุนดังนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 อยู่ที่2,155 ล้านบาท ลดลง 54.3% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 4,711 ล้านบาท และลดลง 63.5% จากไตรมาสก่อน
ยอดขายสินค้าและบริการในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 41,747 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่ลดลง 3.4% จากไตรมาสก่อน โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์พาวเวอร์ซิสเต็มสำหรับระบบศูนย์ข้อมูล และดีซี พาวเวอร์สำหรับโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่องร่วมกับโซลูชันโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศเติบโตได้ดีจากไตรมาสก่อน
และปีที่แล้ว จากแนวโน้มความต้องการลงทุนเพื่อยกระดับดาต้าเซ็นเตอร์สำหรับการประมวลผลสมรรถนะสูง อย่างไรก็ตาม รายได้ส่วนกลุ่มโซลูชันสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่แล้วสอดคล้องกับทิศทางตลาดโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว
ในแง่ของกำไรขั้นต้นในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 9,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่ลดลง 21.4% จากฐานสูงในไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสาเหตุจาก สกุลเงินดอลลาร์ส่งผลต่อค่าเงินบาทแข็งในไตรมาส 4/67 เกิดการรับรู้ขาดทุนในต้นทุนสินค้าคงกลัง มูลค่า 13.3 ล้านดอลลาร์
รวมไปถึงการให้เงินคืนอุดหนุนแก่ลูกค้า มูลค่า 6.8 ล้านดอลลาร์ จากยอดขายสูงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นไปตามข้อตดลงการค้า ขณะเดียวกันหน่วยงานโซลูชัน Magnetic ที่ผลิตชิ้นส่วนสำหรับใช้ภายในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เกิดกรณีข้อบกพร้องของวัตถุดิบที่ได้ประกอบเป็นสินค้าสำเร็จรูปส่งมอบลูกค้าแล้ว ทำให้บริษัทต้องดำเนินการแก้ไขงาน พร้อมตั้งสำรองค่าใช้จ่านที่ครอบคลุมการดำเนินการดังกล่าว มูลค่า 16.2 ล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากปัจจัยกดดันกำไรขั้นต้น สำหรับไตรมาสนี้บริษัทยังสามารถควบคุมบริหารสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีการกลับรายการตั้งสำรองมูลค่าสินค้าคงคลังออกมาเพิ่มเติมบางส่วน เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบของค่าใช้จ่ายไม่ประจำที่เกิดขขึ้นในไตรมาสนี้
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ (รวมการวิจัยและพัฒนา) มีจำนวน 7,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 61.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนสาเหตุหลัก มาจากค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยพัฒนา มีช่วงฤดูกาลที่บันทึกยอดจากโครงการต่างๆ ของศูนย์วิจัยที่เยอรมันสูงขึ้นในช่วงปลายปี ทั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ในการเพิ่มการลงทุน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต ตามแนวโน้มธุรกิจที่มีดีมานด์ความต้องการสูง
ค่าสิทธิจ่าย ซึ่งบันทึกอยู่ในค่าใช้จ่ายการขาย มีแนวโนม้ เพิ่มขึ้นช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากยอดขายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เติบโตสูง อย่างไรก็ตาม ไตรมาสนี้มีการประเมินและปรับปรุงอัตราเรียกเก็บค่าสิทธิจ่ายสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมและมีผลคำนวณย้อนถึงต้นปี ทำให้ค่าสิทธิจ่ายเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้อัตราอ้างอิงดังกล่าว ได้ผ่านการสอบทานเปรียบเทียบกับมาตรฐานอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยผู้เชี่ยวชาญการประเมินอย่างสมเหตุสมผล (บริษัท PWC)
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการบันทึกค่าใช้จ่ายทางกฏหมาย ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 โดยยอดรวมค่าใชจ่ายทางกฎหมายในปีนี้มีมูลค่า 1,008 ล้านบาท ทั้งนี้เกิดจากกลุ่มบริษัทเดลต้า มีข้อพิพาทด้านสิทธิบัตรเทคโนโลยีกับคู่กรณีในสหรัฐ สถานะคดียังไม่สิ้นสุดและอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ส่งผลให้ยังมีปัจจัยกดดันจากค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA วันนี้ 18 ก.พ.68 ณ เวลา 11.35 น. อยู่ที่ระดับ 82.25 บาท ลดลง 4.25 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 4.91% ในระหว่างเปิดทำการซื้อขายในภาคเช้าราคาหุ้นแกว่งตัวในกรอบ 81.50-87.00 บาท มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 1,555.01 ล้านบาท