นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ธุรกิจเจรจาติดตามเร่งรัดหนี้สิน ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ และกิจการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 68 บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของผลงานไว้ที่ไม่น้อยกว่า 20% ต่อเนื่องจากปีก่อน
ภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) ในระบบในปี 68 คาดว่าจะอยู่ที่มากกว่า 250,000 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงไตรมาส 1-2/68 การเปิดประมูลหนี้ก้อนใหม่นั้นอาจจะชะลอตัวลงกว่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งสอดค้องไปในทิศทางเดียวกันกับมาตรการของภาครัฐฯ แต่ด้วยแรงอั้นในชั่งครึ่งแรกปีนี้ทำให้คาดว่าในไตรมาส 3/68 จะมีมูลหนี้ใหม่ออกมาจำนวนมาก และสูงสุดในไตรมาส 4
ส่วนแผนการลงทุนปี 68 บริษัทบริษัทวางการใช้งบประมาณไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท รองรับการซื้อหนี้ใหม่เติมพอร์ตมากกว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนออกเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ประมาณ 80% ของงบลงทุนทั้งหมด ส่วนที่เหลือราว 20% เป็นหนี้มีหลักประกัน
ขณะที่ธุรกิจให้บริการสินเชื่อนั้น บริษัทวางเป้าหมายยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 68 ไว้ที่ประมาณ 500 ล้านบาท สาเหตุที่ปรับตัวลดลงจากปี 67 เป็นผลมาจากต้องการให้พอร์ตสินเชื่อคงค้างที่มีในมือปัจจุบันมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น และสามารถควบคุมระดับ NPL ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมต่อสภาพเศรษฐกิจ รวมถึงสามารถรับมือกับความผันผวนของเศรษกิจได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนความคืบหน้าในการเอาบริษัท CCAP ผู้ให้บริการสินเชื่อ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในช่วงปลายปี 68 นี้ ซึ่งนั้นจะนำมาสู่การปลดล็อกยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ในปีถัดไป
ด้านธุรกิจเจรจาติดตามเร่งรัดหนี้สิน และกิจการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้านั้น บริษัทจะมุ่งเน้นการให้บริการให้กับ สถาบันการเงิน โทรคมนาคม และ Non-bank ที่บริษัทได้ซื้อมาบริหาร ทำให้คาดว่าในปี 68 จะเห็นการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ชะลอตัวลงมาระยะหนึ่งแล้วตามทิศทางเศรษฐกิจ
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 67 มองว่าการขยายตัวของพอร์ตมูลหนี้คงค้างจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ในช่วงปลายปีสถาบันการเงินจะมีการเปิดประมูลหนี้ด้อยคุณภาพออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทมีโอาสที่จะได้มูลหนี้ใหม่มาเติมพอร์ตที่มากขึ้น ขณะเดียวกันราคาที่ได้ก็จะไม่สูง
โดยในช่วงที่เหลือของเดือนธ.ค. 67 นี้ ยังเหลือมูลหนี้ที่รอประกาศผลอีกราว 30,000-40,000 ล้านบาท เบื้องต้นบริษัทคาดหวังว่าจะได้รับมูลหนี้ใหม่เข้ามาเพิ่มเติมได้ไม่น้อยกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีพอร์ตมูลหนี้คงค้างสิ้นปี 67 อยู่ที่มากกว่า 107,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 103,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานรวมทั้งปี 67 จะยังเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,628.78 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 391.14 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 67 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,540.14 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 180.42 ล้านบาท