บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 โดยบริษัทมีรายได้รวม 7,828.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 1,879.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,000.1 ล้านบาท หรือ 113.7% จากปี 2566 นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตในด้านจำนวนผู้โดยสารที่ขนส่ง รวมทั้งสิ้น 1.3 ล้านคน ปรับตัวสูงขึ้น 17.1% จากปี 2566 และฟื้นตัวได้ 75.6% จากช่วงก่อนการระบาดโรคโควิด-19 ในปี 2562 อีกทั้งยังมีผลกำไรที่เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปี 2562 อยู่ที่ 267.95% ซึ่งในปีดังกล่าวมีกำไรอยู่ที่ 510.8 ล้านบาท
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์การเดินทางและการท่องเที่ยวทั่วโลกและในประเทศไทยที่ยังคงมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ตามปัจจัยการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินในเอเชียแปซิฟิก และการเติบโตของปริมาณอุปสงค์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยที่ขยายตัว
ส่งผลให้บริษัทเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญโดยได้เพิ่มความถี่เที่ยวบินเพื่อรองรับปริมาณการเดินทางที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะเส้นทางสมุย รวมถึงได้กลับมาให้บริการเส้นทางบินไปยังประเทศจีน 2 เส้นทางเชื่อมเกาะสมุย ได้แก่ สมุย-เฉิงตู และสมุย-ฉงชิ่ง ในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เฉลี่ยจำนวน 2 - 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
ในช่วงไตรมาส 1/2567 บริษัทได้ขนส่งผู้โดยสาร 1.3 ล้านคน ปรับตัวสูงขึ้น 17.1% จากปี 2566 และฟื้นตัวได้ 75.6% ของช่วงก่อนโควิด-19 ในขณะที่ปริมาณที่นั่งรวมเพิ่มสูงขึ้น 15.5% ส่งผลให้ในไตรมาสนี้มีอัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 88.4% ปรับตัวสูงขึ้น 1.3 จุดจากปี 2566 โดยรายได้บัตรโดยสารส่วนใหญ่มาจากจุดขายบัตรโดยสาร (Point-of-Sale) จากต่างประเทศ 44.0% รองลงมา ได้แก่ จุดขายบัตรโดยสารผ่านเว็บไซต์และระบบเชื่อมต่อตรงกับบริษัท คิดเป็น 43.0% และจุดขายบัตรโดยสารในประเทศไทย 12.0% ของรายได้บัตรโดยสารทั้งหมด และมีราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 4,405.9 บาท หรือเพิ่มขึ้น 18.0%
ผลประกอบการไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้รวม 7,828.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.3% จากการเติบโตของธุรกิจสายการบินและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบินเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนรายได้ 73.4% และ 16.8% ของรายได้รวม ตามลำดับ ทั้งนี้ มีกำไรจากการดำเนินงาน 2,390.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,160.0 ล้านบาท หรือ 94.2% ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากบัตรโดยสารของธุรกิจการบิน ซึ่งเพิ่มสูงขึ้น 39.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบิน เพิ่มขึ้น 30.3%
ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมบริษัทอยู่ที่ 5,358.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.9% จากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขายและบริการ อาทิ น้ำมันเชื้อเพลิง
ค่าซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบินและค่าบริการผู้โดยสาร บริษัทมีผลกำไรสุทธิสำหรับงวด 1,879.5 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 1,000.1 ล้านบาท หรือ 113.7% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยมีผลกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ 1,873.2 ล้านบาท และมีผลกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.89 บาท ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 บริษัทยังมีผลกำไรที่เติบโตขึ้น 267.95% ซึ่งในปีดังกล่าวมีกำไรอยู่ที่ 510.8 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทยังคงวางเป้าผู้โดยสารตลอดปี 2567 ที่ 4.5 ล้านคน และรายได้ผู้โดยสาร 17,800 ล้านบาท โดยมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การเดินทางด้วยบริการเต็มรูปแบบ (Full Services) มุ่งเน้นบริการระดับพรีเมี่ยมให้แก่ผู้โดยสาร โดยปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้ากลยุทธ์เครือข่ายความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรสายการบิน โดยมีแผนข้อตกลงความร่วมมือกับสายการบินเพิ่มเติมประมาณ 2 สายการบินในปี 2567
อีกทั้งยังมุ่งเน้นการดำเนินงานด้านแผนพัฒนากิจการสนามบินภายใต้การบริหารงานของบริษัท จำนวน 3 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสมุย สนามบินสุโขทัย และสนามบินตราด เพื่อส่งเสริมศักยภาพเครือข่ายเส้นทางบินและอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร รวมถึงเป็นการเพิ่มศักยภาพในการรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางมายังจุดหมายปลายทางต่างๆ ในประเทศไทย ได้อย่างเพิ่มขึ้นอีกด้วย