เชื่อว่าหลายคนอาจเคยได้ยินชื่อร้าน "โอ้กะจู๋" ผ่านหู ผ่านตา หรืออาจได้เคยเข้าไปใช้บริการกันมาบ้างแล้ว วันนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" จะพามารู้จักกับ "โอ้กะจู๋" กัน หรือ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ซึ่งทำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้คอนเซ็ปท์ “Be Organic fromFarm to Table” รวมถึงบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ โดยเน้นการปลูกผัก ผลไม้แบบเกษตรอินทรีย์ (Organic) ภายใต้แบรนด์สินค้า "โอ้กะจู๋"
โดยธุรกิจของ OKJ แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ประกอบด้วย
จุดเริ่มต้นทำธุรกิจจากแรงบันดาลใจ (Passion) ร่วมกันระหว่างนายชลากร เอกชัยพัฒนกุล (อู๋) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่ร่วมกับนายจิรายุทธ ภูวพูนผล (โจ้) ประธานเจ้าหน้าที่สายงานเกษตรอัจฉริยะ และนายวรเดช สุชัยบุญศิริ (ต้อง) ประธานเจ้าหน้าที่ซัพพลายเชน ซึ่งเป็นเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้ง ที่ต้องการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคจากการปลูกผักสวนครัวทั่วไปและผักสลัดบางชนิดเพื่อรับประทานในครอบครัว ภายใต้สโลแกน “ปลูกผักเพราะรักแม่”
ก่อนต่อยอดไปสู่การดำเนินธุรกิจเพาะปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษและสารเคมีตกค้าง โดยในปี 2556 บริษัทได้เปิดบริการร้านอาหารเพื่อสุขภาพสาขาแรกที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” ก่อนที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ได้มีการยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET
โดยจัดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งนี้ OKJ จะเสนอขายไม่เกิน 159 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26.10% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำ ระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในครั้งนี้ ราคาพาร์ (PAR) อยู่ที่ 0.50 บาท โดยมีที่ปรึกษาทางการเงิน คือ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุน
จากการยึดมั่นในอุดมการณ์หลักที่จะปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ วิถีธรรมชาติ โดยการออกแบบและจัดการฟาร์มที่ไม่พึ่งพาสารเคมีใดๆ พร้อมคำนึงถึงผืนดิน ผลผลิต ระบบนิเวศ ครอบครัวและชุมชน ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค 100% เพื่อให้ทุกคนได้รับประทานอาหารที่ปลอดสารพิษและดีต่อสุขภาพ และจับมือกับพันธมิตร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR โดยการเข้ามาถือหุ้น 20% ช่วยให้บริษัทสามารถสร้างโอกาสการเติบโตและก้าวไปอีกขั้น
โครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 21 มีนาคม 2567 รายชื่อผู้ถือหุ้น ก่อนเสนอขายหุ้น IPO และหลังเสนอขาย IPO ประกอบด้วย
ผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ราย และบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด ได้เข้าทำหนังสือแสดงเจตจำนงแบบไม่มีภาระผูกพันตามกฎหมาย (Non-binding letter) โดย Modulus มีความประสงค์ที่จะซื้อหุ้นสามัญเดิมจากผู้ร่วมก่อตั้งจำนวนรวม 31,800,000 หุ้น คิดเป็น 5.2% ในราคาเดียวกับราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ ในวันแรกที่หุ้นสามัญของบริษัทฯ เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บนกระดานรายใหญ่ (“Big Lot Board”) ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งการซื้อหุ้นดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อคงสัดส่วนการถือหุ้นของ Modulus
สำหรับฐานะทางการเงินของ OKJ ช่วง 3 ปีย้อนหลัง (2564-2566) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 803.02 ล้านบาท 1,214.91 ล้านบาท และ 1,716.85 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิในระยะเวลาดังกล่าวอยู่ที่ระดับ -84.55 ล้านบาท 38.32 ล้านบาท และ 140.65 ล้านบาท ส่วนสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 914.95 ล้านบาท 1,003.61 ล้านบาท และ 1,349.93 ล้านบาท ในด้านของหนี้สินรวมนั้น 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 506.95 ล้านบาท 557.30 ล้านบาท และ 772.01 ล้านบาท ตามลำดับ