PRM กางแผนดันรายได้ปี 67 โต10% อัดงบ 4 พันล้านขยายกองเรือปิโตรฯ-ออฟชอร์

20 มี.ค. 2567 | 04:42 น.
อัปเดตล่าสุด :20 มี.ค. 2567 | 04:55 น.

PRM กางแผนงานปี 67 วางเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% มองดีมานด์ขนส่งทั้งในและต่างประเทศยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี อัดงบ 4 พันล้าน รองรับการลงทุนธุรกิจใหม่และการขยายกองเรือ

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 10% จากปี 2566 ที่ทำได้อยู่ที่ระดับ 8,538.77 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 2,125.39 ล้านบาท

ปัจจัยสนับสนุนหลักๆ เป็นผลมาจากความต้องการใช้งานน้ำมันและปิโตรเคมียังคงมีการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราการใช้เรือเฉลี่ยปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2567 ธุรกิจ Offshore บริษัทได้รับมอบเรือ AWB เข้ามาเพิ่มจำนวน 1 ลำ และสัญญาจ้างกับลูกค้าผู้ประกอบการปิโตรเคมีรายใหญ่ในประเทศไทยแบบระยะยาวแล้ว ทำให้สามารถเริ่มต้นให้บริการทันที และส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีเรือ AWB เพิ่มเป็น 2 ลำ รองรับการให้บริการได้มากขึ้น

จากปัจจัยดังกล่าว่งผลให้มองว่าแนวโน้มธุรกิจและผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2567 จะมีการขยายตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2566 ที่มีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ระดับ 2,053.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 769.8 ล้านบาท และจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ขณะที่การขนส่งในประเทศยังคงมีแนวโน้มที่ดี ดีมานด์ใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นตามภาพของการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ด้านเรือ FSU มีอัตราการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นหลังลูกค้าเห็นว่าน้ำมันมีแนวโน้มขยายตัวมากกว่าลดลง

ปัจจุบันบริษัทมีเรือในกองรวมทั้งสิ้น 62 ลำ แบ่งออกเป็น เรือขนส่งในประเทศขนาดเล็ก (Domestic Tanker) จำนวน 38 ลำ, เรือขนส่งระหว่างประเทศ (Internation Tanker) มี AFramax จำนวน 1 ลำ และ VLCC จำนวน 3 ลำ, เรือบริการขนส่งและจัดเก็บสินค้าแบบลอยน้ำ (Floating Storage Unit, FSU) มี VLCC จำนวน 5 ลำ,

บริการเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore Support) มี AWB จำนวน 2 ลำ และ Crew Boat จำนวน 13 ลำ, การบริหารจัดการเรือ (Ship Management) ร่วมกับ Third Party จำนวน 3 ลำ เป็นต้น โดยมีขนาดอายุเฉลี่ยที่ประมาณ 14.9 ปี มีขนาดกำลังการบรรทุกกว่า 2,734.1000 DWT

โดยในปี 2567 บริษัทจะมุ่งเน้นขยายกลุ่มเรือปิโตรเคมีและธุรกิจออฟชอร์ซัพพอร์ต โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นหาเรือขนส่งปิโตรเคมีเสริมกองเรืออย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับโรงกลั่นในภูมิภาคที่กำลังขยายกำลังการผลิต ส่วนธุรกิจออฟชอร์ซัพพอร์ต ประเมินว่ายังมีความต้องการสูงตามกิจกรรมการขุดเจาะสำรวจที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้บริษัทได้มีการขยายงบลงทุนในปีนี้เพิ่มเป็น 2,700-4,000 ล้านบาท จากเดิมที่ 2,700 ล้านบาท รองรับการขยายกองเรือ และการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถเข้ามาส่งเสริม สนับสนุน และต่อยอดธุรกิจหลักที่มีได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ในปี 2567 บริษัทยังไม่มีแผนในการปลดระวางเรือ หรือจำหน่ายเรือในกองที่มีเพิ่มเติม จากปี 2566 ที่มีการจำหน่ายออกไป 1 ลำ

ส่วนความคืบหน้าในการซื้อหุ้นคืนนั้น ปัจจุบันบริษัทยังคงมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในตอนนี้บริษัทได้มีการซื้อหุ้นคืนมาแล้วกว่า 93 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 53% และได้เพิ่มเป้าหมายในการซื้อหุ้นคืนมาเป็น 175 ล้านหุ้น จากเดิมที่วางไว้ 100 ล้านหุ้น ภายใต้วงเงินไม่เกิน 1,400 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานและธุรกิจยังคงมีการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นในปัจจุบันยังไม่สะท้อนถึงผลดังกล่าว