นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 67 ธนาคารเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 5% จากปี 2566 ที่เติบโต 4.1% ทำให้มียอดสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นปี 2566 ที่อยู่ระดับ 244,990 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 2567 สินเชื่อรายย่อยจะเป็นปัจจัยผลักดันของสินเชื่อรวม ที่ตั้งเป้าเติบโต 5-10% มาจากการขยายสินเชื่อรถยนต์ คิดเป็นสัดส่วน 30% ของสินเชื่อรายย่อยรวมอยู่ที่ 165,000 ล้านบาท
โดยเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2567 ได้เปิดตัว “One Auto Platform” บริการสินเชื่อยานยนต์ ครอบคลุมทั้งรถยนต์ และ จักรยานยนต์ ผ่าน บริษัท ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของธนาคาร ที่จะยกระดับความสามารถในการแข่งขันกับตลาด และเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจผ่านบริการใหม่ ได้แก่ สินเชื่อจำนำทะเบียนทั้งแบบโอนเล่ม และ ไม่ต้องโอนเล่ม
ด้านสินเชื่อรายใหญ่นั้น คาดว่าจะยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยเครือข่ายความแข็งแกร่งในฐานะกลุ่มการเงินชั้นนำระดับภูมิภาคของ CIMB Group เข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถในการโฟกัสตลาดในอาเซียน (ASEAN) เป็นหลัก
ในปี 2567 ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อในอาเซียนเติบโต 10% เพื่อให้บริการลูกค้าที่ต้องการให้ธนาคารสนับสนุนการขยายธุรกิจในมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และ กัมพูชา คู่ขนานไปกับการดูแลธุรกรรมทางการเงินให้แก่ลูกค้าองค์กร และ สถาบันการเงินในประเทศผ่านสินเชื่อบริการธุรกรรมจัดการเงิน บัญชีธุรกิจ และ บริการชำระเงิน
ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอี (SMEs) ในปี 2567 ธนาคารจะทยอยลดสัดส่วนอย่างต่อเนื่อง จากปี 2566 อยู่ที่ 2.5% ของพอร์ตสินเชื่อรวมทั้งหมด และ คาดว่าภายใน 3-4 ปี สัดส่วนจะลดลงต่ำกว่า 1% เนื่องจากธนาคารจะเน้นขยายลูกค้าธุรกิจในอาเซียน และ ลูกค้ารายย่อยผ่านช่องทางดิจิทัล
โดยนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อน และ ยกระดับการให้บริการในโลกยุคใหม่ ผ่านแอพลิเคชั่น CIMB THAI Digital Banking ที่ส่งผลให้ธุรกรรมเติบโตอย่างรวดเร็ว และสามารถขยายฐานบัญชีดิจิตอลเพิ่มเป็น 400,000 ราย ปริมาณธุรกรรมบนแอปที่ทะยานสู่ 90% และ ธุรกรรมจองซื้อหุ้นกู้และ พันธบัตรทั้งตลาดแรก และ ตลาดรองทะยานเกิน 66,000 ล้านบาท
ทางธนาคารยังตั้งเป้ารักษาความเป็นผู้นำตลาด และ ที่หนึ่งในใจลูกค้า Wealth Management ท่ามกลางสภาวะตลาดที่มีความท้าทาย
ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการแนะนำลูกค้าเลือกลงทุนให้ถูกจังหวะผ่านการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ CIMB Thai คัดสรรมาให้ลูกค้า ทั้งหุ้นกู้ในตลาดแรก หุ้นกู้ตลาดรอง หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง เงินฝากดอกเบี้ยสูง เงินฝากสกุลต่างประเทศ (FCD) กองทุน ประกัน บริการ Wealth Credit Line (วงเงินพิเศษเพื่อมอบสภาพคล่องให้ลูกค้าที่มีเงินลงทุนกับธนาคาร)
นอกจากนี้ CIMB ยังพร้อมจูงมือลูกค้าไปลงทุน Offshore fund โดยเฉพาะ Alternative Investment มีความน่าสนใจที่ไม่อ้างอิงต่อปัจจัยหลักอย่างทิศทางดอกเบี้ย หรือ ค่าเงิน แต่อยู่บนสินทรัพย์ที่ไปลงทุน โดยปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายขยายธุรกิจและฐานสมาชิก CIMB Preferred (ลูกค้าที่มีเงินฝากหรือเงินลงทุน 3 ล้านบาทขึ้นไป) ให้เติบโตอีก 12% จากปัจจุบันมีลูกค้า 100,000 ราย
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปี 2567 นี้ ธนาคารตั้งเป้าควบคุมระดับให้อยู่ในกรอบเฉลี่ยไม่เกิน 3.3-3.5% จากปี 2566 ที่อยู่ระดับ 3.3% และมีการตั้งสำรองทั้งปี 2566 อยู่ที่ระดับ 3,110 ล้านบาท
โดยในปี 2567 คาดว่าการตั้งสำรองจะใกล้เคียงจากปี 2566 เนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารมีการตั้งสำรองในระดับสูงไปแล้ว อย่างไรก็ดี ทางธนาคารยืนยันไม่มีแผนที่จะขาย NPL ออกไป เนื่องจากธนาคารยังสามารถบริหารจัดการได้เอง ซึ่งการขาย NPL ออกไปเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายในปี 2564
ทั้งนี้ การทำธุรกิจของธนาคารจะขับเคลื่อนบนแกน Sustainability สอดรับกับเป้าหมายกลุ่ม CIMB ที่จะบรรลุ Green, Social Sustainable Impacted Products and Services (GSSIPS) จำนวน 1 แสนล้านริงกิต หรือ 7.7 แสนล้านบาท ในปี 2567 โดยปี 2566 กลุ่มสินเชื่อรายใหญ่ได้สนับสนุนสินเชื่อความยั่งยืน จำนวน 15,000 ล้านบาท และ ในการทำงานบนวิถีความยั่งยืน ซึ่งตั้งเป้าหมายจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลง 36% พร้อมปลุกกระแสสังคมรวมพลังสร้างความยั่งยืนไปด้วยกัน