"ชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์" ปักหมุด S รายได้รวมปี 67 พุ่ง 25% ชูโรงแรม-อสังหาฯ พีค

12 มี.ค. 2567 | 06:09 น.

S วางเป้ารายได้รวมปี 67 เติบโต 25% จากปีก่อน ชูธุรกิจโรงแรม-อสังหาฯ เด่นสุด หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวดี การท่องเที่ยวบูมอีกครั้ง ฟุ้งไตรมาส 1/67 ผลงานสดใส ยิ้มธุรกิจนิคมเฮงรับต้นปี สร้างยอดขายได้แล้วกว่า 60 ไร่

นายชัยรัตน์  ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 67 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 25% จากปีก่อนที่ทำได้ระดับ 15,065.89 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 210.64 ล้านบาท โดยมองว่าจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว จะเข้ามาช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานมีการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเชื่อว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการขยายตัวที่ดีตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 1/67 เป็นต้นไป

โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญในปีนี้ยังคงมาจากธุรกิจหลักโรงแรมและที่พักอาศัย ที่คิดเป็นสัดส่วนรวมกันกว่า 90% ของรายได้รวม โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 67 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,100 ล้านบาท ได้แก่ S One River (เป็นโครงการร่วมทุน) มูลค่า 2,600 ล้านบาท เปิดตัวในไตรมาส 3/67 โครงการ, โครงการ SMYTH เกษตร-นวมินทร์ มูลค่า 1,100 ล้านบาท และโครงการ S'RIN พรานนก มูลค่า 4,400 ล้านบาท เปิดตัวในตไรมาส 4/67

บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายในปี 67 ไว้ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) อยู่ในมือรวมกว่า 3,150 ล้านบาท ซึ่งกว่า 60% คาดว่าจะสามารถทยอยโอนกรรมสทิธิ์และรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในปีนี้ คาดว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้ในปีนี้ให้ทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 5,000 ล้านบาท คิดเป็นเติบโต 50% จากปีก่อนที่ทำได้ 3,645 ล้านบาท และมีเป้าหมายว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาจะเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 35% ของรายได้รวมบริษัท จากปีก่อนที่ 25%

ธุรกิจโรงแรมมองว่าในปี 67 ยังมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ธุรกิจโรงแรมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 10-15% จากปีก่อนที่ทำได้ที่ระดับ 9,701 ล้านบาท ตามภาพรวมการท่องเที่ยวทั่วโลกที่มีการขยายตัวที่ดีขึ้น โดยในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา อัตราการเข้าพัก (Occ) โรงแรมในประเทศไทยอยู่ที่ระดับเฉลี่ยสูงกว่า 88% มัลดีฟส์ 88% ฟิจิ 73% อังกฤษ 52% และ มอริเชียส 38%

โดยราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR rate) ของแต่ละประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 12,650 บาท/คืน, 492 รูฟิยามัลดีฟส์/คืน, 639 ดอลลาร์ฟิจิ/คืน, 72 ปอนด์อังกฤษ/คืน และ 10,913 รูปีมอริเชียส/คืน เป็นต้น ซึ่งกลับมาอยู่ในค่าเฉลี่ยที่เป็นขาขึ้น ทั้งนี้ แม้ว่าในประเทศไทยบริษํทจะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงแรมแบรนด์ SAii ในช่วงปลายปีกว่า 72% แต่คาดว่าจากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทำให้คาดว่ารายได้จะยังคงทรงตัวในระดับที่ดี จากการปรับปรุงทำให้มองว่ารายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ในทุกประเทศข้างต้นกลับมาอยู่ในการเติบโตที่ดี 15-20% ในปีนี้เช่นเดียวกัน

ในส่วนของกลุ่มนิคมและอาคารสำนักงาน ซึ่งมีสัดส่วนรวมกับที่ประมาณ 10% ของรายได้รวม ก็ยังมีการเติบโต โดยกลุ่มธุรกิจนิคมในปี 2567 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายขายที่ดิน 200 ไร่ ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ขายที่ดินขนาด 60 ไร่ (คิดเป็นสัดส่วน 30% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี) ให้ลูกค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าหลังจากนี้ จะมีลูกค้าในกลุ่มที่เป็น Ecosystem ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เข้ามาเพิ่มขึ้นอีก ส่วนกลุ่มอาคารสำนักงานก็ยังคงเติบโตได้