"ภากร ปีตธวัชชัย" เดินสายโรดโชว์ต่างแดน หวังดึงฟันด์โฟลว์เข้าตลาดหุ้นไทย

11 มี.ค. 2567 | 09:50 น.
อัปเดตล่าสุด :11 มี.ค. 2567 | 09:56 น.

SET กางแผนปี 67 เดินสายโรดโชว์ ตะวันออกกลาง สิงคโปร์ อังกฤษ ฮ่องกง และสหรัฐฯ หวังดึงฟันด์โฟลว์เข้าไทยเพิ่ม ลั่นไม่นิ่งนอนใจดึงเครื่องมือปราบหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นร้อนแรง ชี้ SET Index ปิดที่ 1,370.67 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนก่อน แนะนำซื้อหุ้นตามธีม High Dividend

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีแผนที่จะออกไปให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างประเทศ (Roadshow) เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีแผนที่จะเดินทางไป Roadshow กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง สิงคโปร์ อังกฤษ ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายฐานนักลงทุนต่างชาติให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพราะแต่ละประเทศก็จะมีความสนใจในการลงทุนด้านต่างๆ ที่แตกต่างกัน เป็นการกระจายความเสี่ยงและการกระจุกตัวของการลงทุน

ปัจจุบันสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติอยู่ที่เฉลี่ยกว่า 50% แล้ว จากในอดีตที่มีสัดส่วนอยู่ที่ราว 35-40% มีการขยายตัวที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน ต้องยอมรับว่าฐานนักลงทุนต่างชาติเติบโตเร็วมาก ในขณะที่นักลงทุนในประเทศอาจขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ฐานนักลงทุนในประเทศดูมีสัดส่วสนที่ลดลง สำหรับการไป Roadshow ที่ออสเตรเลีย ได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี โดยกลุ่มกองทุนขนาดใหญ่กว่า 17 หลักทรัพย์เข้ามาร่วมรับฟังข้อมูล ส่วนใหญ่มีความสนใจในเรื่องของพลังงานสะอาด ESG และ Health care
 

กรณี ที่ราคาหุ้นบางตัวที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการออกโรงเตือนนักลงทุนและมีการใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในมือเพื่อห้องกันความเสี่ยงให้กับนักลงทุนเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่จะบอกว่ามาตรการหรือเครื่องมือที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ มีนั้นไม่ได้ผลเลยก็คงไม่ได้ เพราะขณะนี้ราคาหุ้นตัวที่กังวลก่อนหน้านี้ก็เลยปรับตัวลงมาแล้ว

ในส่วนมาตรการดูแลและกำกับบริษัทจดทะเบียนที่ร่วมหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) นั้น ปัจจุบันก็เร่งดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง) เพื่อนำมาปรับปรุงและยกระดับมาตรการกำกับและดูแลใหม่ๆ ต่อไป เบื้องต้นหากว่าส่วนไหนที่สามารถนำออกมาใช้ได้ก็ก็จะเริ่มใช้เลย แต่อย่างไรก็ดี คาดว่าจะได้เห็นการนำเอามาตรการใหม่ๆ มาเริ่มใช้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2567 ต่อเนื่องไป ไตรมาส 2 และ 3 ตามลำดับ

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลจากการปรับลดคาดการณ์ GDP ไทย โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 ไปอยู่ที่ 2.2-3.2%

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจมาจากการกลับมาขยายตัวของการส่งออกสินค้าตามการฟื้นตัวของการค้าโลก และการขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคตามการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว โดยนักวิเคราะห์เริ่มปรับประมาณการกำไรของบริษัทในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ราคาหลักทรัพย์กลุ่มดังกล่าวเริ่มฟื้นตัว

ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากทั้งในและต่างประเทศ นักวิเคราะห์ให้คำแนะนำกับผู้ลงทุนเข้าซื้อหุ้นตามธีม High Dividend เพราะนอกจากจะได้รับกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ (Passive Income) หุ้นกลุ่มนี้ยังมีผลตอบแทนชนะ SET Index อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งหุ้น High Dividend ยังมีคุณลักษณะเป็นหุ้นปลอดภัย (Defensive) โดยสังเกตจากค่า Beta ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 SET Index ปิดที่ 1,370.67 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนก่อนหน้าซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค แต่ปรับลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า โดยที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มบริการ กลุ่มเกษตรและอาหาร และ กลุ่มทรัพยากร

นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 47,265 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 29.5% โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน 2 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ 47,185 ล้านบาท ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,246 ล้านบาท ทำให้ใน 2 เดือนแรกของปีนี้ ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 27,624 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 22

ขณะที่บริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีเข้ามาซื้อขายใน SET จำนวน 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เอ็นแอล ดีเวล  ลอปเมนต์ (NL) และ บมจ. ธนาคารไทยเครดิต (CREDIT) และใน mai จำนวน 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ (PANEL) บมจ. แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ (NAT) และ บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ (EURO) 

สำหรับ Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ระดับ 14.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.9 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.3 เท่า ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ระดับ 3.31% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.19%

ในส่วนของภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 393,850 สัญญา ลดลง 2.6% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ SET50 Index Futures และในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2567 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 399,395 สัญญา ลดลง 25.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ SET50 Index Futures และ Single Stock Futures

"ภากร ปีตธวัชชัย" เดินสายโรดโชว์ต่างแดน หวังดึงฟันด์โฟลว์เข้าตลาดหุ้นไทย