SFLEX รายได้ปี 67 ยืนเหนือ 2 พันล้าน แย้มศึกษาดีลใหม่คาดครึ่งแรกปีได้ข้อสรุป

01 มี.ค. 2567 | 05:15 น.

SFLEX มองดิจิทัลวอลเลตกระตุ้นกำลังซื้อระยะสั้น ส่งผลลบดีมานด์ขาดช่วงในระยะถัดไป วางเป้ายอดขายปี 67 ยืนเหนือ 2 พันล้าน เล็งออกผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ใหม่ "รีไซเคิล" มาร์จิ้นสูง ปูพรมบุ๊ครายได้-กำไร จากการร่วมทุนกับ TU และ SCGP

KEY

POINTS

  • SFLEX วางเป้ารายได้ปี 67 แตะระดับ 2 พันล้าน
  • SFLEX เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ บรรจุภัณฑ์ "รีไซเคิล" ปั้มมาร์จิ้น
  • SFLEX แย้มอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนดีลใหม่ คาดครึ่งแรกปีได้เห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 ดีล

ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของจำหน่ายไว้แตะระดับที่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ปัจจัยขับเคลื่อนหลักๆ เป็นผลมาจากการขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของสินค้าอุปโภค-บริโภค ทำให้ความต้องการใช้งานบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นตาม โดยสัดส่วนยอดขายหลักยังคงมาจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์เกี่ยวเนื่องกับ Consumer

ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เกี่ยวกับอาหารโตจากการร่วมมือกับทาง TU มองว่าจากการ Joint Venture กับกับทางบริษัท ไทยยูเนี่ยน กราฟฟิกส์ จำกัด (TUG) กลุ่มผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ที่มีการวางจำหน่ายสินค้าไปทั่วโลก ปัจจุบันโรงงานที่ร่วมมือกับทาง TU อยู่ในช่วงระหว่างเร่งการดำเนินการก่อสร้าง และการจัดซื้อเครื่องจักร คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2567 และรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปลายไตรมาส 4/2567 เป็นต้นไป

ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงทุนร่วมกับกลุ่ม SCGP ใน Starprint Vietnam JSC (SPV) ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษแข็งแบบพับได้ (Offset Folding Carton) ในประเทศเวียดนาม โดยบริษัทมีสัดส่วนการเข้าถือหุ้น 25% และ SCGP ถือสัดส่วนใหญ่ 70% ตามลำดับ โดยคาดว่าจะเริ่มแสดงผลประกอบการของ SPV ในงบการเงินรวมของบริษัทตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เป็นต้นไป มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ด้วยระบบพิมพ์แบบ Offset 16,500 ตันต่อปี และกล่องบรรจุภัณฑ์แบบคงรูป 8 ล้านกล่องต่อปี

นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทวางแผนที่จะเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ใหม่ความยั่งยืนให้มากยิ่งขึ้น Mono Material Packaging ซึ่งเป็นโซลูชันพลาสติกของโลกอนาคต ที่สามารถนำกลับมา Recycle และให้มาร์จิ้นที่สูง เชื่อว่าจะเป็นที่สนใจของลูกค้า เพียงแต่ในระยะเริ่มต้นโครงสร้างของต้นทุนผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์แบบเดิมที่ลูกค้าใช้อยู่ เนื่องจากยังไม่ประหยัดต่อขนาด หรือ Economies of Scale อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าจะเริ่มต้นจำหน่ายในช่วงไตรมาสที่ 3/2567 เป็นต้นไป หนุนภาพรวมมาร์จิ้นปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น

ประเด็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ของภาครัฐ มองว่าจะส่งอานิสงส์เชิงบวกช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้ ซึ่งคาดว่ากลุ่มธุรกิจหลักที่ได้รับผลบวกคือ ร้านสะดวกซื้อ หรือ ร้านที่มีการออกใบกำกับภาษีได้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่เพราะใช้ได้เพียงในระดับอำเภอ ทั้งนี้ เชื่อว่าดีมานด์ดังกล่างจะเป็นเพียงในระยะสั้นเท่านั้น และผลที่อาจตามมา คือ ทำให้เกิดสภาวะช็อตของดีมานด์ไปชั่วขณะ เนื่องจากมีการเร่งซื้อสินค้าเพื่อกักตุนในช่วงที่เปิดใช้โครงการ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ทำให้การตัดสินใจซื้อขาดหายไประยะหนึ่งหลังจากสิ้นสุดโครงการ

สำหรับต้นทุนวัตถุดิบของบริษัท มองว่าในปี 2567 จะมีการบริหารจัดการได้ดียิ่งขึ้น เพรราะปัจจุบันได้มีการล็อกคำสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าไว้แล้ว 6 เดือน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ผันผวนตามราคาน้ำมันโลกและอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนไหวในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาน้ำมันอาจไม่ปรับตัวลดลงไปมากกว่านี้แล้วในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 บริษัทยังคงมีความสนใจในการลงทุนขยายและต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก และนอกเหนือธุรกิจที่ดำเนินอยู่ ปัจจุบันมีการศึกษาการลงทุนในธุรกิจทำความสะอาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ เบื้องต้นคาดไม่เกินครึ่งแรกปี 2567 จะได้เห็นความชัดเจน