ผลเลือกตั้ง 66 เป็น"ส้ม - แดง"ส่องสถิติหุ้นไทยหลังชนะแบบแลนด์สไลด์

15 พ.ค. 2566 | 04:12 น.

บล.เอเซียพลัส วิเคราะห์ ทิศทางตลาดหุ้นไทย หลังผลเลือกตั้ง 2566 เป็น "ก้าวไกล- เพื่อไทย" โดยเทียบเคียงสถิติปี 2544 เมื่อพรรคไทยรักไทย ชนะเลือกตั้งแบบ Landslide พร้อมคัด 6 ธีมหุ้น ได้ประโยชน์จากหาเสียง

ผลการเลือกตั้ง ส.ส. อย่างไม่เป็นทางการ ที่รายงานโดย กกต. ( เวลา 07.30 น. นับคะแนนแล้ว 99%) พบว่าพรรคการเมืองที่ได้จำนวน ส.ส. สูงที่สุดได้แก่ พรรคก้าวไกล มีจำนวน ส.ส. รวม 151 คน ตามมาด้วย พรรคเพื่อไทย มีจำนวน ส.ส. 141 คน อันดับ 3 ได้แก่ ภูมิใจไทย 70 คน ทั้งนี้มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ราว 75% ราว 39.2 ล้านคน

จากผลการเลือกตั้ง 66 ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ได้ออกบทความล่าสุด ( 15 พ.ค.66 ) ระบุว่า 

  • เกิดการสลับขั้วการจัดตั้งรัฐบาล กล่าวคือ พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม น่าจะเป็นกลุ่มที่มีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาล โดยในเบื้องต้นหากรวมเฉพาะพรรคฝ่ายค้านหลักเดิมอย่าง ก้าวไกล และ เพื่อไทย ซึ่งจำนวน ส.ส. อย่างไม่เป็นทางการที่รายงานโดย กกต.มีคะแนนเสียงรวมกัน มากถึง 291 เสียง ซึ่งตามหลักการก็ควรได้สิทธิในการจัดตั้งรัฐบาล
  • รัฐบาลใหม่น่าจะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ประเมินจากจำนวน ส.ส. ของพรรคที่มีโอกาสร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ น่าจะมีจำนวนเสียงที่มากกว่า พรรคฝ่ายค้านอย่างมีนัยสำคัญ ซื่งน่าจะทำให้ รายชื่อนายกรัฐมนตรีที่เสนอโดยพรรคร่วมที่จัดตั้งรัฐบาลใหม่ น่าจะสามารถผ่านด่านของ ส.ว.ออกไปได้
  • การเดินนโยบายรัฐบาลน่าจะมีเอกภาพมากขึ้น ด้วยคะแนนเสียงที่กระจุกตัวอยู่ที่ไม่กี่พรรคการเมือง ทำให้จำนวนพรรคร่วมรัฐบาลอาจไม่ได้มีมากนัก ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวน่าจะทำให้การเดินหน้านโยบายต่างๆ มีความเป็นเอกภาพและทิศทางที่ชัดเจน

ฝ่ายวิจัย ASPS  ระบุต่อว่า กระบวนการหลังจากนี้ เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องตรวจสอบ ข้อร้องเรียนต่างๆ ที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นก็จะทำการวินิจฉัย ให้ใบเหลือง –ใบแดง ซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส. อยู่บ้าง แต่ก็น่าจะเป็นส่วนน้อย เมื่อตรวจสอบและวินิจฉัยแล้ว ก็ต้องประกาศรับรอง ส.ส. อย่างเป็นทางการ ภายใน 60 วัน นับจากวันเลือกตั้ง โดยต้องรับรอง ส.ส. ไม่น้อยกว่า 95% หรือ 475 คน เพื่อให้สามารถเปิดประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกได้

จากกรอบเวลาดังกล่าว บนสมมุติฐานว่า กกต. ใช้ระยะเวลาเต็ม 60 วัน ก็น่าจะสามารถเปิดสมัยประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกได้ภายใน ครึ่งแรกของเดือน ก.ค. 2566 หลังจากนั้น ก็จะเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร์ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาโดยตำแหน่งไปด้วย เมื่อได้ตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร์แล้ว กระบวนการต่อไป ก็จะเป็นวาระสำคัญ คือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

โดยจะโหวตจากบัญชีรายชื่อ ที่แต่ละพรรคการเมือง ยี่นต่อกกต. ว่าจะเสนอให้ บุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรี โดยผู้ที่จะผ่านการคัดเลือกต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วย ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน รวม 750 คน หมายความว่าต้องได้คะแนนเสียงสนับสนุน 376 คน ขึ้นไป เมื่อเลือก นายกรัฐมนตรีได้แล้ว ก็จะเป็นการจัดตั้ง ค.ร.ม. นำขึ้นทูลเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฎิญาณ ก่อนเริ่มทำหน้าที่ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเดือน ส.ค.2566

และหากเจาะลึกรายละเอียดนโยบายไฮไลท์ของพรรคที่ได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ เริ่มจาก

  • พรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 คือ พรรคก้าวไกล “เน้นปรับโครงสร้างทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับเพิ่มสวัสดิการทุกช่วงวัย”
  • พรรคคะแนนเสียงอันดับ 2 คือ พรรคเพื่อไทย “เน้นเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และขยายโอกาส พร้อมกับคาดหวัง GDP กลับมาเติบโตเฉลี่ยอย่างต่ำปีละ 5%”

ผลเลือกตั้ง 66 เป็น"ส้ม - แดง"ส่องสถิติหุ้นไทยหลังชนะแบบแลนด์สไลด์

ผลเลือกตั้ง 66 เป็น"ส้ม - แดง"ส่องสถิติหุ้นไทยหลังชนะแบบแลนด์สไลด์

ทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังเลือกตั้ง 2566

จากพัฒนาการของสถานการณ์การเมืองดังกล่าว เชื่อว่าตลาดหุ้นน่าจะตอบสนองเชิงบวก หากจะเทียบเคียงอารมณ์ อาจคล้ายช่วงเวลาที่ พรรคไทยรักไทย ชนะเลือกตั้งแบบ Landslide ในปี 2544 ซึ่งตอนนั้น SET Index ขึ้น 8.5% ในสัปดาห์แรกหลังเลือกตั้ง และ 19% ใน 1 เดือนหลังเลือกตั้ง หรือน้อยที่สุดน่าจะทำให้ SET Index ปรับขึ้นไปได้ตาม

ข้อมูลเชิงสถิติในอดีต 5 ครั้งหลังสุด กล่าวคือ 3.8% ในสัปดาห์แรกหลังเลือกตั้ง และ 3.1% ในช่วง 1 เดือนแรกหลังเลือกตั้ง โดยมี Fund Flow ไหลเข้าเฉลี่ย 9 พันล้านบาท

ผลเลือกตั้ง 66 เป็น"ส้ม - แดง"ส่องสถิติหุ้นไทยหลังชนะแบบแลนด์สไลด์ ผลเลือกตั้ง 66 เป็น"ส้ม - แดง"ส่องสถิติหุ้นไทยหลังชนะแบบแลนด์สไลด์

ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายหาเสียง แนะนำ 6 กลุ่มหลักๆ ดังนี้

  • COMM (CPALL, CRC, HMPRO, COM7),
  • FIN (MTC, SAWAD, TIDLOR)
  • BANK (KBANK, KTB)
  •  FOOD (SNNP, CBG)
  •  CONS (CK, STEC)
  • CONMAT (SCC)

ดังนั้น ผลการเลือกตั้งแลนสไลด์เป็น ส้ม-แดง หลังจากนี้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของ กกต. 60 วัน และเปิดสมัยประชุมรัฐสภาภายในครึ่งแรกของเดือน ก.ค. 2566 ต่อมา คือ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วจัดตั้ง ค.ร.ม. นำขึ้นทูลเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฎิญาณก่อนเริ่มทำหน้าที่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเดือน ส.ค.2566 ซึ่งคาดเห็น รัฐบาลที่มีเสถียรภาพมากขึ้นจากการสลับขั้วอำนาจ ด้วยประเด็นดังกล่าว หนุนให้ SET Index มีโอกาสปรับขึ้นแรงเฉกเช่นสถิติในอดีต