มติผู้ถือหุ้น'บางจาก'ไฟเขียวซื้อ'เอสโซ่'5.5 หมื่นล้าน จบดีลสิ้นปีนี้

11 เม.ย. 2566 | 17:58 น.

มติผู้ถือหุ้น"บางจาก"อนุมัติซื้อ"เอสโซ่"มูลค่า 5.5 หมื่นล้านบาท โดยราคาซื้อขายหุ้นสุดท้ายต้องรองบเอสโซ่ Q2/66 คาดอยู่ในช่วง 8-9 บาท/หุ้น ลั่นจบดีลไม่เกินสิ้นปีนี้

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผย ภายหลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 ว่า มติที่ประชุมเห็นชอบการเข้าซื้อหุ้นสามัญ และการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมด (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) ของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ด้วยคะแนนเสียงกว่า 99%

 

การเข้าซื้อหุ้นสามัญ ESSO ประกอบด้วย  

1.การเข้าซื้อหุ้นสามัญโดยตรงจำนวน 2,283,750,000 หุ้น ในเอสโซ่ คิดเป็นสัดส่วน 65.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของเอสโซ่ จากผู้ขาย ExxonMobil Asia Holdings Pte.Ltd. โดยบริษัทฯ ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ขายเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2566 

2.การทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญที่เหลือทั้งหมดของเอสโซ่ เป็นจำนวนไม่เกิน 1,177,108,000 หุ้น ( สัดส่วน 34.01%) ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของเอสโซ่ ณ วันที่ 30 ก.ย. 2565 ภายหลังจากที่ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นเสร็จสิ้น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ.12/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ (ประกาศการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ) เพื่อได้มาซึ่งหุ้นที่เหลือทั้งหมดในเอสโชในราคาเดียวกันกับราคาซื้อหุ้นเอสโซในธุรกรรมการซื้อขายหุ้น

 

อ่านเพิ่ม : 

"บางจาก" ฮุบ "เอสโซ่" 5.5 หมื่นล.ปิดตำนานปั๊มตราเสือเมืองไทย

ผ่าอาณาจักร "บางจาก" หลังเทก"เอสโซ่"กวาดปั้มทั่วไทยกว่า 2 พันแห่ง

“เอ็กซอน”ถอนลงทุนไทย ปิดฉากปั๊มเอสโซ่ 125 ปี

 

ทั้งนี้การซื้อเอสโซ่ครั้งนี้ ถือเป็นกลยุทธ์ระยะยาว ทำให้บริษัทฯได้สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง คือ โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง ก่อให้เกิดการประหยัดเชิงขนาดและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัท โดยบางจากมีกำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 294,000 บาร์เรลต่อวัน

ส่วนสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่  800 สาขา รวมกับบางจากอีก 1,300 สาขา เป็น 2,150 สาขา คิดเป็น 7.4% ของจำนวนสถานีบริการน้ำมันทั้งหมด คาดว่าการซื้อ ESSO นี้ บางจากจะคืนทุนได้ภายใน 4-5 ปี

การมี 2 โรงกลั่นน้ำมันภายใต้การบริหารงานของบางจาก จะทำให้เกิด Synergy ในการจัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น และบางจากมีปริมาณน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นเอสโซ่ด้วย  ทั้งนี้ยอมรับว่า การที่โรงกลั่นบางจากมีกำลังการกลั่นที่ 1.23 แสนบาร์เรลต่อวัน ไม่เพียงพอต่อการจำหน่ายผ่านสถานีบริการบางจากฯ ที่ต้องการจำหน่าย 1.43 แสนบาร์เรลต่อวัน ทำให้ต้องมีการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศบางส่วน ดังนั้นการเข้าซื้อ ESSO จะทำให้บริษัทฯ ได้ทั้งโรงกลั่นน้ำมัน สถานีบริการน้ำมัน รวมทั้งสิทธิการใช้ท่อส่งน้ำมันแทปไลน์ด้วย ซึ่งบางจากจะทยอยเปลี่ยนโลโก้ปั๊ม ESSO เป็นโลโก้ใหม่ของบางจากภายในปี 2567 ขณะที่ ExxonMobil จะยังคงดำเนินธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและเคมีภัณฑ์ในประเทศไทยต่อไป

สำหรับราคาหุ้นสุดท้ายที่เข้าซื้อนั้น จะต้องรองบการเงินตามแผนไตรมาส 2/2566 โดยขั้นตอน 2 ใน 3 ที่บังคับจบแล้ว เหลือขั้นตอนสุดท้าย คือ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ซึ่งคาดว่าช่วงเดือน ก.ค. 2566 เชื่อว่าจะอยู่ในราคาที่คำนวนไว้ที่หุ้นละ 8.00-9.00 บาท ซึ่งจะต้องหารือกับสถาบันทางการเงิน ช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. 2566 โดยคาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้


 

อนึ่งมูลค่าธุรกรรมดีลนี้ฯ อยู่ในวงเงิน 5.5 หมื่นล้านบาท แยกเป็นการเข้าซื้อหุ้นสามัญ ESSO ใช้วงเงินราว 3 หมื่นล้านบาท ( เป็นการซื้อหุ้น ESSO จาก ExxonMobil ใช้เงินราว 2.2 หมื่นล้านบาท , การทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์อีกราว 1 หมื่นล้านบาท ) ส่วนอีกกว่า 2 หมื่นล้านบาทเป็นรับโอนหนี้สิน โดยแหล่งเงินทุนในการซื้อหุ้น ESSO มาจากกระแสเงินสด และเงินกู้จากสถาบันการเงิน

ออกหุ้นกู้ 8 หมื่นล้าน ใน 5 ปี ( ปี 2566 - 70) 

นอกจากนี้มติผู้ถือหุ้นฯ ยังอนุมัติวงเงินในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ ระยะเวลา 5 ปี (ปี 2566 – 2570) เพื่อใช้ในการลงทุน และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไป และ/หรือเพื่อชำระคืนหนี้สินเดิม และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ เกี่ยวข้องกับกิจการของบริษัทฯ เป็นวงเงินรวมไม่เกิน 80,000 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทฯ ยืนยันว่าดอกเบี้ยขาขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบมาก เนื่องจากการบริหารเงินของ"บางจาก" จะกำหนดดอกเบี้ยฟิกซ์ (คงที่ ) ไว้ราว  80% เหลือ 20% เท่านั้นจะตามแนวโน้มดอกเบี้ยตลาด