คลังสั่งอธิบดีบัญชีกลาง-ธนารักษ์ แจงซื้อ-ขาย “หุ้นบางจาก”

20 ก.พ. 2566 | 06:00 น.

คลังสั่งอธิบดีบัญชีกลาง-ธนารักษ์ ทำหนังสือแจงซื้อ-ขาย “หุ้นบางจาก” หลังเกิดกระแสวิจารณ์และตั้งคำถามถึงความไม่เหมาะสมว่าเป็นการอินไซด์เดอร์ ก่อนควบรวม “เอสโซ่” และผิดจรรยาบรรณหรือไม่

กรณีเกิดกระแสข่าวความไม่เหมาะสมในการเข้าไปซื้อขายหุ้นของผู้บริหารกระทรวงการคลัง หลังมีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังจำนวน 2 ราย ได้เข้าซื้อขายหุ้นในบริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ BCP  ในขณะที่บริษัทกำลังอยู่ในช่วงเข้าซื้อกิจการบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน) หรือ ESSO

 

โดยกรรมการที่เข้าซื้อขายหุ้นเป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง คือ

  • นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์
  • นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง

 

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การซื้อขายหุ้นของกรรมการบริษัทบางจากฯ เป็นการใช้ข้อมูลภายใน หรืออินไซด์เดอร์ ก่อนที่จะมีการซื้อกิจการในธุรกิจอื่นหรือไม่ ขณะที่ในส่วนของกรรมการผู้แทนของกระทรวงการคลังนั้น การดำเนินการดังกล่าว ถือว่า ผิดจรรยาบรรณหรือไม่

ล่าสุด นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง  เปิดเผยว่า  ได้สั่งการให้นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์​ และน.ส.กุลยา ตันติเตมิท  อธิบดีกรมบัญชีกลาง ทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรกรณีซื้อขายหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเบื้องต้นได้รับรายงานว่า หุ้นดังกล่าวเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อกรรมการหรือพนักงาน (Employee Stock Option Program : ESOP)

“ทั้ง 2 อธิบดีจะต้องทำคำชี้แจงมาก่อน หลังจากนั้นจะนำคำชี้แจงมาพิจารณาและตรวจสอบเพิ่มเติม หากพบความผิดปกติ ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน หากไม่พบความผิดปกติ ก็ถือว่ายุติ”นายกฤษฎากล่าว

ทั้งนี้ ในรายการของ ก.ล.ต. แจ้งว่า นายจำเริญ ได้เข้าซื้อหุ้นจำนวนทั้งหมด 6 แสนหุ้น แบ่งเป็น

  • เข้าซื้อในวันที่ 22 ธ.ค.2565 จำนวน 2 แสนหุ้น ในราคา 31.00 บาท
  •  วันที่ 22 ธ.ค.2565 เข้าไปซื้ออีกจำนวน 1 แสนหุ้น ราคา 30.75 บาท
  • วันที่ 26 ธ.ค.2565 ซื้ออีกจำนวน 3 แสนหุ้น ราคา 28.14 บาท
  • จากนั้น ในวันที่ 12 ม.ค.2566 ได้ทำการขายหุ้นจำนวน 1.5 แสนหุ้น ราคา 34.75 บาท

ส่วนนางสาวกุลยา

  • ได้เข้าซื้อในวันที่ 28 ธ.ค.2565 จำนวน 3 แสนหุ้น ในราคา 28.14 บาท

จำเริญ - กุลยา ยันได้สิทธิจัดสรรถูกต้อง

ขณะเดียวกัน นายจำเริญ กล่าวยอมรับว่า ได้รับหุ้นดังกล่าวจริงในจำนวน 3 แสนหุ้น โดยเป็นหุ้นที่บริษัทให้สิทธิ์ในการซื้อในฐานะที่เป็นบอร์ดรายละ 3 แสนหุ้น ขณะเดียวกัน ตนได้ทำการเข้าซื้ออีก 3 แสนหุ้น และได้ขายออกไปจำนวน 1.5 แสนหุ้น โดยการซื้อและขายหุ้นดังกล่าวนั้น ได้รายงานต่อกระทรวงการคลัง และก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว

“ตามปกติแล้ว ผมไม่เคยสนใจที่จะซื้อขายหุ้นเลย เมื่อได้รับหุ้นดังกล่าวมาจากการเป็นบอร์ดแล้ว ก็ได้มาพิจารณาว่า เป็นการถูกต้องหรือไม่ จึงได้รีบขายออกไป ยืนยันว่า ตนไม่ได้ทำการซื้อขายหุ้นในลักษณะอินไซค์ข้อมูลอย่างแน่นอน”นายจำเริญกล่าว

ด้านนางสาวกุลยา กล่าวว่า ได้มีการซื้อขายหุ้นบจ.บางจากจริง แต่หุ้นที่ซื้อขายนั้นได้รับสิทธิตามการจัดสรรอย่างถูกต้อง ตามมติคณะกรรมการ บมจ.บางจาก ที่จัดสรรให้บอร์ดและพนักงานทุกคน รวม 18 ล้านหุ้น ถือเป็นผลตอบแทนที่ได้รับจากการทำงานในช่วงสิ้นปี 

ซึ่งตนในฐานะที่เป็นบอร์ดขณะนั้น ได้รับการจัดสรรเช่นเดียวกัน 3 แสนหุ้น จึงได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นไปตามสิทธิที่ได้รับ แต่ตนไม่ได้คิดว่าจะเข้าไปเล่นหรือถือหุ้นอะไร เพราะเมื่อหุ้นเข้าพอร์ตได้สั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ขายทันที เนื่องจากปกติไม่ได้มีการเล่นหุ้นมา และไม่เคยมีพอร์ตหุ้นก่อนอยู่แล้ว  

ทั้งนี้ ในการรับหุ้นจาก บมจ.บางจากก็ได้มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) และกระทรวงการคลังได้รับทราบตามระเบียบขั้นตอนมาโดยตลอด

"ยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีหุ้นของบจ.บางจาก เหลืออยู่ในพอร์ต และไม่ได้มีการเข้าไปซื้อเพิ่มด้วย และปัจจุบันได้ลาออกจากคณะกรรมการบอร์ดบจ.บางจากแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.66 ฉะนั้น จึงไม่ได้แจ้งตลาดในการขายหุ้น"  นางสาวกุลยากล่าว