เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ส่ง นวัตกรรมการลงทุนทางเลือกในปี 2566

21 ธ.ค. 2565 | 07:27 น.

KBank Private Banking เดินหน้าบริการที่ปรึกษาความมั่งคั่งพร้อมเสริมแกร่งโซลูชัน 4 เสาหลัก ส่งนวัตกรรมลงทุนทางเลือกปี66 รับเศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอย เผยปี65 ลูกค้าวางใจใช้บริการ 1.3หมื่นรายหนุนAUMแตะ 9 แสนล้านบาท

นายจิรวัฒน์   สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปี2566กลยุทธ์การลงทุนที่ KBank Private Banking แนะนำจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ

 

 "ก่อน” บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ แตะจุดสูงสุดลดน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นเน้นการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูง

 

เช่น หุ้นบริษัทที่ความสามารถในการแข่งขัน และกำหนดราคา ทำให้สามารถเป็นผู้ชนะในภาวะเงินเฟ้อสูงได้

กระจายความเสี่ยงผ่านสินทรัพย์ทางเลือก เช่น กองทุน Hedge Fund
กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์นอกตลาดที่มีความผันผวนด้านราคาในระยะสั้นต่ำ

"หลัง” บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ แตะจุดสูงสุดลงทุนบางส่วนในทองคำ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐฯ จะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นอ่อนค่าลงหุ้นกู้เอกชนผลตอบแทนสูง (High Yield) จะกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
ทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น หากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยเพื่อต้านทานภาวะเศรษฐกิจถดถอยชัดเจนขึ้น

เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ส่ง นวัตกรรมการลงทุนทางเลือกในปี 2566 ธนาคารจะยังคงให้ความสำคัญกับการเสริมความแข็งแกร่งของโซลูชันใน 4 เสาหลัก ได้แก่  การลงทุนบนหลักการ Risked-based Asset Allocation  การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกการลงทุนเพื่อความยั่งยืน

 

และการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งขึ้นในการสร้างการเติบโต เก็บรักษา และส่งต่อความมั่งคั่งของลูกค้าต่อไปในอนาคต

 

นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า การลงทุนในปี 2565 มีความท้าทายเป็นอย่างสูง จากราคาที่ปรับตัวลงแรงในแทบทุกสินทรัพย์หลัก นับเป็นเพียง 3 ปี ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาที่ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ปรับตัวลดลงพร้อมๆ กัน

 

 ผลตอบแทนของตลาดหุ้นโลกและพันธบัตรรัฐบาลโลกนับจากต้นปีปรับตัวลดลงถึง -17.9% และ -16.8% ตามลำดับอย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ตลาดเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากสัญญาณบวกหลายปัจจัย

 

ทั้งผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เริ่มอ่อนแอลง และมีแนวโน้มจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาชะลอตัวอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ลดความเร็วการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

“ตลอดปีที่ผ่านมา KBank Private Banking ในฐานะที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน  ให้ความสำคัญกับการสร้างพอร์ตที่มีความคล่องตัวสูง รองรับสถานการณ์ที่ผันผวน กระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก และยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อความยั่งยืน

 

พอร์ตลงทุนที่แนะนำลูกค้าอย่าง K-ALPHA มีการจัดการความเสี่ยง และกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ตั้งแต่สินทรัพย์สภาพคล่อง กองทุนผสมในฐานะพอร์ตหลัก (Core Port)  กองทุนรวมหุ้นและ        ตราสารหนี้ทั่วโลก 


ตลอดจนสินทรัพย์นอกตลาดอย่างกองทุนหุ้นนอกตลาด ยังคงสามารถรักษาระดับผลตอบแทนอยู่ระหว่าง - 3.8 และ-5.5% นับจากต้นปี ในขณะที่ผลตอบแทนขาดทุนสูงสุด อยู่ระหว่าง  -5.7% และ -8.3%                 

 

หากเทียบกับการกระจายการลงทุนแบบดั้งเดิม (หุ้น 60: ตราสารหนี้ 40) ให้ผลตอบแทนที่ -14.8% ในขณะที่ผลตอบแทนขาดทุนสูงสุดที่ -23.8% หรือหากเทียบกับการลงทุนในหุ้น หรือตราสารหนี้อย่างเดียวให้ผลตอบแทนที่ -15.0% และ -14.4% ในขณะที่ผลตอบแทนขาดทุนสูงสุดที่ -26.1% และ -21.9%ตามลำดับ”

 

กองทุน K-ALLROAD Series นวัตกรรมการลงทุนขับเคลื่อนอัตโนมัติ บนหลักการ Risk-based Asset Allocation ยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า จากจุดเด่นในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างยืดหยุ่นตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป ทำให้กองทุนมีสมดุลด้านความเสี่ยง โดยทั้ง 3 กองทุนในซีรีส์นี้สามารถระดุมเงินลงทุนจากลูกค้าไปได้กว่า 5.4 พันล้านบาท


การนำเสนอนวัตกรรมการลงทุนทางเลือก เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในภาวะผันผวน โดย KBank Private Banking มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และสำหรับ 3 กองทุนที่เสนอขายครั้งแรกในปีนี้ ได้แก่ กองทุนหุ้นนอกตลาดทั่วโลก (K-GPE22B-UI) กองทุนตราสารหนี้และหุ้นนอกตลาดทั่วโลก (K-GPA22A-UI) และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยนอกตลาด (ASP-APR-UI (KEX)) โดยทั้ง 3 กองทุนสามารถระดมเงินลงทุนรวมสูงถึง 5 พันล้านบาท


การลงทุนเพื่อความยั่งยืน เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยสร้าง “ทางรอด” ให้กับโลกและการเติบโตที่มั่นคงให้กับทั้งธุรกิจและการลงทุนในระยะยาว ซึ่งกองทุนหลักที่ธนาคารแนะนำอย่างกองทุนเปลี่ยนโลก        (K-CHANGE) ยังคงมีผลตอบแทนที่ดี โดยกองทุนหลักสามารถสร้างผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนได้สูงถึง 197% หรือเฉลี่ย 20.07% ต่อปี


ด้านบริการที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันให้บริการลูกค้า 790 ครอบครัว หรือราว 36% ของลูกค้าทั้งหมด และมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การดูแลครอบคลุมทรัพย์สินครอบครัวทั้งธุรกิจและที่ดินประมาณ 1.8 แสนล้านบาท 


ขณะบริการที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการที่ปรึกษาครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์มูลค่ารวม 3.2 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ Land Loan for Investment เพื่อแปลงทรัพย์สินที่ดินมาเป็นสินเชื่อเพื่อการลงทุน คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อที่อนุมัติแล้ว 1.8 พันล้านบาท

 

“การดำเนินธุรกิจ KBank Private Banking ในปี 2565 ให้บริการลูกค้าประมาณ 13,000 ราย สินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมดประมาณ 9 แสนล้านบาท และจากการส่งมอบโซลูชันบริหารความมั่งคั่งที่ครบวงจร ทำให้ธนาคารได้รับ 11 รางวัล จาก 10 สถาบันระดับสากลทั่วโลกการันตีและตอกย้ำความเป็นผู้ให้บริการไพรเวทแบงก์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากล"