ลุ้นกำไรบจ. Q3/65 หุ้น mai ฟื้นรับกำลังซื้อในประเทศ

19 ต.ค. 2565 | 12:01 น.

กูรูชี้ ดัชนีหุ้นไทยปลายปีแตะ 1,690 ประเมินผลงานบจ.ไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องจนถึงปลายปี 65 ชี้กำไรบจ. หลายบริษัท โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลาง มีโอกาสฟื้นตัวรับกำลังซื้อในประเทศ

สัปดาห์นี้เป็นต้นไป เป็นช่วงการจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)หลายแห่งทยอยประกาศ ประกอบกับช่วงปลายเดือน ราว 28 ตุลาคมนี้จะมีงาน mai FORUM 2022 มหกรรมรวมพลังคน mai ครั้งที่ 7 ซึ่งจะเป็นอีกงานที่สะท้อนมุมมองของบจ.และนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เกี่ยวกับภาพการเติบโตของตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมทั้งเศรษฐกิจไทยโดยภาพรวม ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินผลกำไรไตรมาส 3 ต่อเนื่องจนถึงปลายปี 65 กำไร บจ.หลายบริษัทโดยเฉพาะหุ้นขนาดกลาง มีโอกาสฟื้นตัวรับกำลังซื้อในประเทศ

 

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นักลงทุนผิดหวังกับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ออกมาล่าสุดว่า ลดลงช้ากว่าคาด โดยโนมูระคาดว่า เมื่อถึงการรายงานเงินเฟ้อเดือนตุลาคม 2565 น่าจะเห็นการลดระดับลงอย่างมีนัยฯ จากฐานสูงปีก่อน

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)

 

ขณะที่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 -22 ตุลาคม 2022 ทางโนมูระคาดว่า จีนจะคงนโยบายปลอดโควิดจนถึงเดือน มีนาคม 2566 และจะผ่อนคลายอย่างช้าๆหลังจากนั้น หากมีสัญญาณผ่อนคลายบางส่วนออกมา คาดจะหนุนตลาดหุ้นเอเชีย โดยคาดระยะกลางดัชนี SET มีโอกาสฟื้นสู่เป้าหมายปลายปีที่ 1,690 จุด

ลุ้นกำไรบจ.  Q3/65 หุ้น mai ฟื้นรับกำลังซื้อในประเทศ

ส่วนทิศทางกำไรของตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3 แม้ กลุ่มพลังงานจะมีฐานกำไรที่อยู่ในระดับสูง และเป็นตัวประคองกำไรรวมหลัก แต่ผลประกอบการพ้นจุดที่ดีที่สุดไปแล้ว ขณะที่กำไรกลุ่ม Domestic ในประเทศเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง ไล่เรียงตั้งแต่ ธนาคาร กลุ่มการบริโภค หรือหุ้นที่เติบโตจากภายใน ทำให้การลงทุนหลัก ควร Switch มาเน้นกลุ่มนี้มากขึ้น

ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำพอร์ตลงทุนระยะยาว ถือหุ้น 70% ตราสารหนี้ 15% ทองคำ 5% และเงินสดหรือ Money Market Fund 10% SET กลับมาอยู่ในโซนเหมาะกับการลงทุนระยะยาว 1,570-1,540 จุด ด้วย Earnings Yield Gap 3.6% (vs avg. 3.0%) เป็นโอกาสสะสมหุ้น Domestic Play-

 

โดยมี Theme เด่น คือ กลุ่มการบริโภคในประเทศ(ธนาคาร-ประกัน, ค้าปลีก, สื่อสาร),  Anti-Commodity หุ้นแนะนำ ได้แก่ SCB(TP155), BBL(TP175), TLI(TP20.1),  MAKRO(TP41), BJC(TP41), CRC(TP48), ICHI(TP11.7), BE8(TP100), BEC(14.6), ERW (TP4.5), SCGP (TP70) และ GPSC (TP90)

 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ออกมากระทบในเชิงลบจำกัด เพราะเป็นช่วงปลายการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อในสหรัฐฯแล้ว กระแสเงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยในช่วง 4Q65 ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศของไทยที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดีจากฐานต่ำ

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)

 

รวมถึงได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ทำได้ดีกว่าคาด ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจจีนที่จะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจาก COVID-19 คลายตัวลง ยิ่งทำให้ SET Index เคลื่อนไหวเด่นกว่าภูมิภาค คาดกรอบในช่วง 4Q65 ที่ 1,530-1,690 จุด

 

นอกจากการเปิดเผยกำไร 3Q65 ของบจ.ในไทยแล้ว ยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐฯ ที่จะชะลอตัวลงชัดเจนมากขึ้น อาจเป็นปัจจัยที่จำกัด Upside การฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงเป็นระยะในช่วง 4Q65 หากพิจารณาจากกลุ่มที่กำไรสุทธิจะออกมาดี ส่วนใหญ่เป็น Domestic play ที่ผลประกอบการจะล้อไปกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และมีหลายบริษัทที่ผลประกอบการจะพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร

 

ส่วนหุ้นใน mai ยังมีความน่าสนใจในการลงทุน แนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q65 ของ mai จะเริ่มฟื้นตัว ก่อนจะไปเร่งขึ้นอีกครั้งใน 4Q65 จากแรงกดดันด้านต้นทุนที่ลดลง และมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ รวมถึงปัจจัยฤดูกาลที่เป็น High Season ด้านท่องเที่ยว แม้ในการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ และ Valuation จะสะท้อนว่าหุ้นใน mai ไม่อยู่ในจุดที่ถูกมากนัก

 

“เราพบว่า มีบางบริษัทที่ผลประกอบการ 2H65 จะเติบโตดี, ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ, และ Valuation ยังไม่แพง ซึ่งยังสามารถ Trading เพื่อคาดหวังผลตอบแทนระยะสั้นได้ เช่น AU, BIZ, CMO, PIMO, SECURE, TACC”นายณัฐพลกล่าว

 

สำหรับหุ้นใหญ่ที่มีโอกาสถูกเพิ่มเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET50 ที่จะประกาศกลางเดือนธันวาคม แนะนำหุ้น BJC กลุ่มค้าปลีกได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ และ RATCH กลุ่ม Defensive ทนทานต่อความผันผวนของแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวได้ดีกว่าหุ้นกลุ่มอื่น และแนวโน้มผลประกอบการ 2H65 ที่จะโตเด่นทั้ง HoH และ YoY ส่วนหุ้น SCB คาดกำไร 2H65 เติบโตทั้ง HoH และ YoY กลุ่มธนาคารได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของ กนง.

 

หน้า 13  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,828 วันที่ 20 - 22 ตุลาคม พ.ศ. 2565