นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ WHART กล่าวเสวนาหัวข้อ “อสังหาฯ โอกาสลงทุนในกอง REIT” ในงานสัมมนาโจทย์ใหญ่ฟื้นอสังหาริมทรัพย์ จัดโดย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การลงทุนในกอง REIT (รีทส์) เป็นที่สนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย ซึ่งกอง REIT ที่ลงทุนเกี่ยวกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์นั้นมีหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มออฟฟิศ โรงแรม ที่อยู่อาศัย และสนามบิน เป็นต้น
ทั้งนี้ การที่จะลงทุนในกอง REIT จะต้องพิจารณาใน 6 เรื่องหลัก ได้แก่
ขณะที่กอง REIT ของ WHART นั้น เป็นการลงทุนในคลังสินค้าโรงงาน ซึ่งปัจจุบันเป็นกอง REIT อุตสาหกรรมที่มีไซส์ขนาดใหญ่ที่สุด จากปี 2558 ที่เริ่มลงทุน มีสินทรัพย์ 9,500 ล้านบาท แต่เรามีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ทุกๆ ปี และมีการเติบโตขึ้นทุกปี กระทั่งปัจจุบันสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ มีสินทรัพย์ 50,000-52,000 ล้านบาท
“การที่เราเติบโตทุกปี เนื่องจากมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่อยู่ในโลเคชั่นที่สำคัญของโลจิสติกส์ และมีความสำคัญต่อด้านการขนส่งระหว่างประเทศและระหว่างภาคต่างๆ อยู่ใกล้ท่าเรือ” นายอนุวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มที่ WHART เลือกลงทุน ได้แก่ โซนบางนา-ตราด, กรุงเทพตอนเหนือ, อีอีซี, และโซนสมุทรสาคร และแม้ 4 โซนดังกล่าวนี้จะเป็นโลจิสติกส์เช่นเดียวกัน แต่ก็มีกลุ่มอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน เช่น โซนบางนา-ตราด ซึ่งมีการลงทุน 60% เป็นโซนที่อยู่ใกล้กรุงเทพ และใกล้สนามบิน สามารถเชื่อมไปยังถนนหลายสายได้อย่างสะดวก ฉะนั้น ผู้เช่าจะเป็นโลจิสติกส์ อีคอมเมิร์ช ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ไม่มีปัญหาเลย ส่วนการเลือกลงทุนในกลุ่มอีอีซี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มผู้เช่าอุตสาหกรรม
“การที่เราลงทุนในทำเลที่ดี ทำให้ที่ผ่านมาเรามีผลประกอบการที่ดีมาโดยตลอด อัตราการเช่าของเราอยู่ในระดับที่สูงมาโดยตลอด เนื่องจากมีการลงทุนในสินทรัพย์ที่อยู่ในดีมานด์ที่ดี โดยวันแรกเรามีพื้นที่เช่าภายใต้การบริการ 1 แสนกว่าตารางเมตร ตอนนี้เรามี 1.7 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้น 10 เท่าจากวันแรก และอัตราการเช่าอยู่ที่ระดับ 90% อยู่ ด้วยสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 10 เท่าเช่นเดียวกัน”
ขณะที่หนี้สินของ WHART มีประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่ในจำนวนดังกล่าวมีสัดส่วนที่เป็นหุ้นกู้ 80% ส่วนที่เป็นสินเชื่อเพียง 20% เท่านั้น ซึ่งเมื่อแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น WHART ก็ไม่ได้กังวล เนื่องจากมีบอนด์ถึงมากกว่าสัดส่วนเงินกู้ และสัดส่วนเงินกู้ 20% ดังกล่าว ก็ไม่มีผลกับพอร์ต และ WHART ก็มีเครดิตเรทติ้งที่ดี ซึ่งอยู่ในระดับมั่นคง (Stable) ตั้งแต่ปี 2562
พร้อมกันนี้ ยังมีนักลงทุนสถาบันในพอร์ตถึง 70% และนักลงทุนรายย่อย 18% จากในอดีตอยู่ที่ 15% แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนมีความสนใจมากขึ้น ทั้งนี้ ในปี 2566 WHART ยังมีแผนขยายกอง REIT เพิ่มเติม 3,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มช่วงไตรมาส 4
ส่วนหากถามว่า ทำไมต้องเลือกลงทุนในกอง REIT อสังหาริมทรัพย์ตอนนี้ จะเห็นว่า ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา กราฟอยู่ในขาลงมาโดยตลอด แปลว่า ราคาลดลงมาค่อนข้างเยอะ และหากมองไป 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ในระดับที่ต่ำมาก เชื่อว่า หากทุกท่านมีความรู้ และเข้าใจคาแรกเตอร์ของแต่ละกอง REIT ได้ ก็เป็นโอกาสลงทุนในกอง REIT
“หากหากอง REIT ที่มีความมั่นคงได้ ซึ่งมีโอกาสทำให้การลงทุนมีผลตอบแทนที่ดีขึ้น เพราะด้วยราคาที่ลดลงมาขนาดนี้ จะทำให้ฐานการลงทุนน้อยลง มีโอกาสได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น และได้เงินปันผลอีกทางหนึ่ง” นายอนุวัฒน์ กล่าวสรุป
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,909 วันที่ 30 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม พ.ศ. 2566