KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ประเมินว่า การเปิดประเทศที่เร็วกว่าคาดของจีนจะส่งผลบวกค่อนข้างมากต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จึงปรับประมาณการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจใหม่จาก 2.8% เป็น 3.6% ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะสามารถเข้ามาได้ 25.1 ล้านคนจากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 19.2 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลบวกเพิ่มเติมต่อการบริโภคในประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้การเปิดประเทศของจีนจะส่งผลบวกบ้างต่อภาคการส่งออกไทย แต่อาจยังไม่เพียงพอชดเชยการชะลอตัวของภาคการผลิตในประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างน้อยในช่วงครึ่งแรกของปี เนื่องจากไทยมีการส่งออกไปยังประเทศกลุ่มนี้รวมกันมากกว่าจีน
KKP Research ยังคงประเมินว่าปริมาณการส่งออกไทยจะยังเติบโตติดลบ 1.8% ในปี 2023 และการส่งออกในรูปสกุลเงิน US dollar มีโอกาสหดตัวรุนแรงในช่วงครึ่งแรกของปี จากฐานที่สูงในปีก่อนหน้า ก่อนที่อาจจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
ขณะเดียวกัน แม้ภาพรวมการเปิดประเทศที่เร็วขึ้นของจีนจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น แต่ในอีกทางหนึ่งก็เพิ่มความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจไทย คือ
ปี 2566 แม้ว่าเงินบาทจะเริ่มแข็งค่าขึ้น แต่สถานการณ์ค่าเงินบาทยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะจากดุลการค้าที่ยังมีความเสี่ยงขาดดุลในปีหน้า โดยตัวเลขดุลการค้าในไตรมาส 3 ปี 2565 พลิกเป็นขาดดุลเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี ซึ่งเกิดจากมูลค่าการนำเข้าที่ขยายตัวขึ้นเร็วกว่าการส่งออกตามราคาสินค้านำเข้าจากที่ปรับสูงขึ้น
แต่สถานการณ์ปัจจุบันยังมีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง จากทั้งภาวะทางการเงินที่ยังไม่ตึงตัวมาก ตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง จีนที่กลับมาเปิดประเทศ และการคาดการณ์เงินเฟ้อของคนที่ปรับสูงขึ้น รวมทั้งการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นเร็วจะทำให้เงินเฟ้อในภาคบริการปรับตัวสูงขึ้นได้ สร้างความท้าทายต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยในภาวะที่หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง