ความไม่แน่นอน 3 ประการต่อเศรษฐกิจไทยปี 66

18 ม.ค. 2566 | 08:44 น.

KKP Research ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 66 เพิ่มจากโต 2.8% เป็น 3.6% ผลจากจีนเปิดประเทศเร็ว ส่งผลยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่ง 25.1 ล้านคน แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ประเมินว่า การเปิดประเทศที่เร็วกว่าคาดของจีนจะส่งผลบวกค่อนข้างมากต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จึงปรับประมาณการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจใหม่จาก 2.8% เป็น 3.6% ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะสามารถเข้ามาได้ 25.1 ล้านคนจากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 19.2 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลบวกเพิ่มเติมต่อการบริโภคในประเทศ

อย่างไรก็ตาม แม้การเปิดประเทศของจีนจะส่งผลบวกบ้างต่อภาคการส่งออกไทย แต่อาจยังไม่เพียงพอชดเชยการชะลอตัวของภาคการผลิตในประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างน้อยในช่วงครึ่งแรกของปี เนื่องจากไทยมีการส่งออกไปยังประเทศกลุ่มนี้รวมกันมากกว่าจีน

KKP Research ยังคงประเมินว่าปริมาณการส่งออกไทยจะยังเติบโตติดลบ 1.8% ในปี 2023 และการส่งออกในรูปสกุลเงิน US dollar มีโอกาสหดตัวรุนแรงในช่วงครึ่งแรกของปี จากฐานที่สูงในปีก่อนหน้า  ก่อนที่อาจจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี

ขณะเดียวกัน แม้ภาพรวมการเปิดประเทศที่เร็วขึ้นของจีนจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น แต่ในอีกทางหนึ่งก็เพิ่มความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจไทย คือ

  • ค่าเงินบาทที่มีความผันผวนสูงจะกระทบผู้ส่งออกและนำเข้า ในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปมาก จากการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐ ฯ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยและสหรัฐฯ และดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลมากที่สุดในรอบหลายปี

ปี 2566 แม้ว่าเงินบาทจะเริ่มแข็งค่าขึ้น แต่สถานการณ์ค่าเงินบาทยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะจากดุลการค้าที่ยังมีความเสี่ยงขาดดุลในปีหน้า โดยตัวเลขดุลการค้าในไตรมาส 3 ปี 2565 พลิกเป็นขาดดุลเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี ซึ่งเกิดจากมูลค่าการนำเข้าที่ขยายตัวขึ้นเร็วกว่าการส่งออกตามราคาสินค้านำเข้าจากที่ปรับสูงขึ้น

 

  • หากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเร็วอาจทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อในภาคบริการ แม้ว่าการท่องเที่ยวจะส่งผลบวกต่อรายได้ของคนในประเทศ แต่ก็มีผลข้างเคียงต่อราคาสินค้าในประเทศซึ่งสามารถเกิดได้จากสองส่วน
  1. ราคาสินค้าในภาคบริการปรับตัวสูงขึ้นตามกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น
  2. ปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคบริการ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นใน หลายประเทศเศรษฐกิจหลัก ภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดในช่วงที่ผ่านมาทำให้มีแรงงานจำนวนมากย้ายออกจากภาคบริการและผู้ประกอบการไม่สามารถดึงคนกลับมาทำงานได้
  • อัตราเงินเฟ้อโลกยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้มากกว่าคาด และทำให้อัตราดอกเบี้ยยังเป็นทิศทางขาขึ้นในปี 2566 หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าปัญหาเงินเฟ้อจะเริมคลี่คลายลงและทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ไม่จำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเหมือนปีที่ผ่านมารวมทั้งมีโอกาสปรับดอกเบี้ยลงในช่วงปลายปี

แต่สถานการณ์ปัจจุบันยังมีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง จากทั้งภาวะทางการเงินที่ยังไม่ตึงตัวมาก ตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง จีนที่กลับมาเปิดประเทศ และการคาดการณ์เงินเฟ้อของคนที่ปรับสูงขึ้น รวมทั้งการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นเร็วจะทำให้เงินเฟ้อในภาคบริการปรับตัวสูงขึ้นได้ สร้างความท้าทายต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยในภาวะที่หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง