BKI เล็งขายหุ้นปลายปี โป๊ะเบี้ยประกันภัยติดลบ

30 พ.ย. 2567 | 06:09 น.
อัปเดตล่าสุด :30 พ.ย. 2567 | 06:09 น.

กรุงเทพประกันภัย เล็งขายหุ้นปลายปี ชดเชยกำไรจากการรับประกันภัยลดลง 16% คาดสิ้นปีผลตอบแทนเงินลงทุนโตตามเป้า 20%  พร้อมแนะควรจะเก็บเป็นเงินสดดีที่สุด เหตุเศรษฐกิจไม่ดี BKIH เตรียมลงทุนหุ้นต่างประเทศปี 68

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงความคืบหน้าบริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH ซึ่งประกอบธุรกิจผ่านการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company)ว่า BKIH อยู่ในช่วงการศึกษาแนวทางการลงทุน Insure Tech/แพลตฟอร์มต่างๆ แต่ยังต้องศึกษาโอกาสในทางธุรกิจเพื่อความชัดเจนก่อนคาดว่า จะใช้เวลา 2-3ปี เพราะในแง่การลงทุนต้องสะท้อนหรือตอบโจทย์ผู้ถือหุ้น 

BKI เล็งขายหุ้นปลายปี โป๊ะเบี้ยประกันภัยติดลบ

 “เจตนาของ Hold Company จะเป็น New S-Curve เพื่อนำมาเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ BKI ก่อน"

จากนั้นจะนำแพลตฟอร์มนั้นๆ ออกมาสู่ตลาดประกันภัย เพื่อให้บริษัทขนาดกลาง/บริษัทขนาดเล็กที่ยังไม่มีเงินทุนในการพัฒนาสามารถใช้แพลตฟอร์มและเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมจากการใช้แพลตฟอร์ม”

อย่างไรก็ตาม งวด 9 เดือนของปี 67 BKIH มีรายได้รวม 17,344.4 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 12%และมีกำไรสุทธิของโฮลดิ้งส์ 2,277.9 ล้านบาทลดลง 10.5% หลังจากหักภาษีคิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 21.39 บาท แต่เงินที่จะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตรา 11.25 บาทนั้นมาจาก BKI 

นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า การลงทุนของ BKI ในช่วงที่ผ่านมา จะเน้นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก โดยมีผลตอบแทนจกการลงทุนอยู่ที่ 14%ส่วนใหญ่มาจากเงินปันผล 17%ที่เหลือมาจากดอกเบี้ยจากเงินฝาก ค่าเช่า

นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)

ภาพรวมสัดส่วนพอร์ตลงทุนเพิ่มขึ้นในปีนี้เป็นปีแรก หลังจากที่ผ่านมาถูกกระทบจากการระบาดของโควิด แต่ปีหน้าจะเริ่มเห็นการลงทุนหุ้นในต่างประเทศ โดยเป็นการลงทุนผ่าน BKIH

สำหรับพอร์ตลงทุน งวด 9 เดือนของ BKI มีจำนวน 28,298 ล้านบาท แบ่งเป็น พันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลัง 8,240 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เงินฝากประจำ 7,944 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1% หุ้นทุนในตลาดหลักทรัพย์และ Warrant 7,609 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2% และให้กู้โดยมีหลักทรัพย์จำนอง 1,269 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 12% Real estate investment Trust 760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% 

ขณะที่เงินปันผล 9 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้น 14% คาดว่าสิ้นปีจะเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งจะมาจากการทยอยขายหุ้นบางตัวที่ถือมานาน อย่างพอร์ตลงทุนในหุ้นเน้นระยะยาว 5-10% เพื่อนำเงินกำไรจากการขายหุ้นมารับประกันภัย

เพราะ 9เดือนแรกปีนี้เบี้ยรับประกันภัยติดลบ ทำให้กำไรจากการรับประกันภัยลดลง 16% ส่วนไตรมาส4 ไม่น่าจะมีอะไรดีกว่านี้ ง่ายที่สุดคือ หากำไรจากการลงทุนมาช่วย ส่วนการเงินส่วนบุคคลนั้นมองว่า ควรจะเก็บเป็นเงินสดดีที่สุด เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี 

ปัจจุบัน BKI เน้นลงทุนในพันธบัตรในประเทศ เช่นเดียวกับหลายบริษัท/ประกันชีวิตลงทุนในพันธบัตรระยะยาวอายุ 10-15ปี ส่วนหนึ่งต้องลงทุนในพันธบัตรต่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกรมธรรม์ที่จะครบอายุ

ส่วนตัวมองว่า อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตร(บอนด์ยีลด์)ทั่วโลกในปีหน้า น่าจะปรับลดลง จากที่ธนาคารกลางแต่ละประเทศปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 

รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มีโอกาสจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีก อย่างไรก็ตามการลงทุนพันธบัตรในต่างประเทศยังมีประเด็นอัตราแลกเปลี่ยน/ซื้อล่วงหน้า แม้ว่าบอนด์ยีลด์สหรัฐจะสูงกว่าไทยก็ตาม 

สำหรับอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตนั้น ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนด้านการท่องเที่ยว ที่ยังคงมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น ทั้งกลุ่มอาหาร กลุ่มโรงแรม กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มโรงพยาบาลที่รองรับชวต่างชาติ สำหรับกลุ่มน้ำมันนั้นแนวโน้มน่าจะขึ้น แต่ความเสี่ยงจะขาดทุนในบริษัทที่ทำเกี่ยวกับน้ำมันหากสงครามยุติ

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,049 วันที่ 1 - 4 ธันวาคม พ.ศ. 2567