คณะกรรมการบริหารสมาคมประกันวินาศภัยไทย (TGIA) เมื่อที่ 18 เมษายน 2566 มีมติเอกฉันท์เลือกดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)เป็นนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยประจำปี 2566-2568 แทนนายอานนท์ วังวสุ ที่ครบวาระเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
“ดร.สมพร” เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เป้าหมายการทำงานคือ มุ่งเน้นสู่สมาคมที่ทันสมัย เน้นส่งเสริมความเป็นมืออาชีพ การดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส สามารถกำกับตนเองได้อย่างเข้มแข็ง โดยรักษาเบี้ยประกันภัยภายในประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านระบบนิเวศน์ของธุรกิจ ซึ่งเน้นเรื่องดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแพลตฟอร์ม สร้างประสบการณ์ของลูกค้า และความเป็นไปได้ในการเปิดเสรีในธุรกิจประกันภัยในมิติต่างๆจะทำได้มากน้อยขนาดไหน
ทั้งนี้เบื้องต้นจะโฟกัสนโยบาย 5 ด้านคือ
ขณะเดียวกันยังเน้นการให้ความรู้กับประชาชนและส่งเสริมภาครัฐในการบริหารความเสี่ยงและบริหารงบประมาณของภาครัฐ โดยใช้ระบบประกันภัยบริหารความเสี่ยงแทน ที่สำคัญแนวโน้มการเข้ามามีผลบังคับใช้มาตรฐาน IFRS17 ซึ่งปัจจุบันบริษัทขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายเล็กยังจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม
“สมาคมจะเตรียมความพร้อมของบริษัทสมาชิกหรือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมอยู่แล้วให้สามารถช่วยเหลือบริษัทขนาดเล็กขนาดย่อม รวมถึงการสร้างนักคณิตศาสตร์ประกันภัย เพื่อให้บริษัทขนาดเล็กขนาดกลางสามารถเข้าถึงนักคณิตศาสตร์ประกันภัยได้ โดยไม่เป็นภาระมากเกินไป เนื่องจากนักคณิตศาสตร์ประกันภัยยังมีจำนวนน้อย ทำให้บริษัทใหญ่ ซึ่งมีศักยภาพในการจ้างเท่านั้น”ดร.สมพรกล่าว
สำหรับการเตรียมความพร้อมเรื่อง IFRS17 ให้กับบริษัทสมาชิก คือ การจัดอบรมหลักสูตรนักคณิตศาสตร์ประกันภัยเกี่ยวกับ IFRS17 เพื่อเตรียมความพร้อมทางด้านบุคลากร ทั้งนักคณิตศาสตร์ นักบัญชี และนักบริหารความเสี่ยง ให้ได้ถึง 200 คน ในอีก 2 ปีข้างหน้า ก่อนที่มาตรฐาน IFRS17 จะมีผลบังคับใช้ ตลอดจนการจัดจ้าง บริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาผลกระทบ และเตรียมความพร้อมทางด้านภาษีอากร
นอกจากนั้น รูปแบบประกันภัยในอนาคตจะต้องสร้างกลไกช่วยเหลือบริษัทสมาชิกในการบริหารความเสี่ยง หลังจากผ่านบทเรียนโควิด-19 เพื่อให้บริษัทสมาชิกช่วยเหลือตัวเองและบริหารความเสี่ยงได้
ขณะเดียวกัน การเปิดเสรีประกันภัยเช่น การออกกรมธรรม์จะขอความสนับสนุนจากคปภ.ให้สามารถออกกรมธรรม์ได้ โดยคปภ.วางเกณฑ์กำหนดรายละเอียดในการออกผลิตภัณฑ์โดยตรงกับประชาชน ไม่ต้องใช้ระยะเวลานานเกินไป และการเปิดเสรีในค่าคอมมิชชั่น ซึ่งตอนนี้มีเครื่องมือในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยได้ และสามารถให้บริษัทสำแดงเรื่องคอมมิชชั่นได้อย่างเต็มที่และคปภ.ดูแลผู้เอาประกันภัยไม่ให้ถูกเอาเปรียบ
นอกจากนี้โครงการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่สมาคมดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง หลายโครงการดีและมีประโยชน์ยังคงต้องสานต่อเช่นกัน
ต่อกรณีการรับประกันภัยนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นดร.สมพรกล่าวว่า การดำเนินงานรองรับนักท่องเที่ยวมีการตั้งคณะกรรมการดูแลเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว แทนที่จะเปิดให้บริษัทประกันภัยแข่งขันกันเอง ซึ่งจะเป็นการแข่งขันเชิงราคาจะทำให้ธุรกิจไม่แข็งแรง เบื้องต้นคาดว่า นักท่องเที่ยวจะเข้ามาปีนี้ 28 ล้านคน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศและธุรกิจประกันภัยด้วย
สำหรับ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” ผ่านช่องทางอาอากาศ 300 บาทและผ่านช่องทางบก 150 บาท นั้นขณะนี้ยังอยู่ในการพิจารณา ซึ่งจะกันเงินส่วนหนึ่งสำหรับซื้อประกันสุขภาพและอุบัติเหตุนักท่องเที่ยว โดยเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวมตอนนี้ยังอยู่ระหว่างหารือระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้งในประเด็นการแยกนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย รวมถึงการกำหนดค่าเบี้ยและความคุ้มครอง
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,883 วันที่ 30 เมษายน - 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2566