นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงาน 11 เดือน ปี 2568(ม.ค. – พ.ย.) บสย. มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 35,781 ล้านบาท ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 46,635 ล้านบาท ช่วย SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้น 45,337 ราย สามารถ รักษาการจ้างงาน 467,249 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการค้ำประกันได้มากกว่า 147,776 ล้านบาท
“ปีนี้ บสย. ประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือ “กลุ่มเปราะบาง” ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ ที่มีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อ ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น พบว่า 85% เป็นกลุ่ม ผู้ประกอบการรายย่อย (Micro SMEs) และสามารถช่วยกลุ่มที่ไม่เคยใช้บริการ บสย. (ลูกค้าใหม่) เข้าถึงสินเชื่อ เป็นสัดส่วนถึง 70%”
บสย. ยังประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือ SMEs ลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลม ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” ไปแล้วถึง 23,664 ราย คิดเป็นมูลหนี้สะสม 15,439 ล้านบาท (เฉพาะ ม.ค. - พ.ย. 2568 ปรับโครงสร้างหนี้ 5,250ราย คิดเป็นมูลหนี้3,588 ล้านบาท) และสามารถช่วยลูกหนี้ “ปลดหนี้” 882 ราย เกือบ 50% เป็นกลุ่มเปราะบาง
อย่างไรก็ตาม จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ และปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นตลอดปีนี้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ SMEs โดยเฉพาะปัญหาสภาพคล่องและการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนในระบบ สะท้อนจากสภาพสินเชื่อ SMEs ที่หดตัว ต่อเนื่อง ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาสที่3 ปี 2568 ยัง หดตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อนอยู่ที่ -1% จากระยะเดียวกันของปีก่อน และนับเป็นการติดลบ 5 ไตรมาสติดต่อกัน
โดยการหดตัวดังกล่าวมาจากสินเชื่อธุรกิจ SMEs ที่หดตัวหนักขึ้นจาก -3.3% ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มาอยู่ที่ -4% ใน ไตรมาสล่าสุด เนื่องจากความเสี่ยงด้านเครดิตสูงและมีประเด็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องปรับเพิ่มความสามารถ ในการแข่งขันระยะยาว
จากสภาพดังกล่าวเป็นที่มาของนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง เปิดตัว มาตรการค้ำประกัน สินเชื่อ “บสย. Quick Big Win” วงเงินค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เพื่อเติมสภาพคล่องให้ SMEsอย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย 3 โครงการหลัก ตามประเภทของ SMEs ได้แก่
วงเงินค้ำประกัน 5,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 1 แสนบาท – 100 ล้านบาท ตอบโจทย์ SMEs ที่ต้องใช้หนังสือค้ำประกัน เช่น ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือจัดซื้อจัดจ้าง ของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคธุรกิจ
วงเงินค้ำประกัน 35,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 2 แสน บาท – 40 ล้านบาท ตอบโจทย์ SMEs ทั่วไป และ SMEs ขนาดเล็ก ธุรกิจซัพพลายเชนที่ต้องการสินเชื่อเกิน 1 ล้าน บาท
วงเงินค้ำประกัน 10,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 1 หมื่นบาท – 1 ล้านบาท ตอบโจทย์ผู้ประกอบการรายย่อย Micro SMEs กลุ่มอาชีพอิสระที่ต้องการสินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาท
"เฉพาะโครงการนี้ บสย. ได้นำ Credit Scoring Model และ Risk-based Pricing (RBP) มาใช้ประเมิน ความเสี่ยงของลูกค้า เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มอัตราการอนุมัติสินเชื่อของ SMEs ที่มีความเสี่ยงที่ยอมรับ ได้มากขึ้น"
พร้อม 4 จุดเด่น ประกอบด้วย
สำหรับทิศทางในการเดินหน้าปี 2569 บสย.จะดำเนินการผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก เพื่อพลิกโฉม การช่วยเหลือ SMEs ในประเทศไทย ที่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม ประกอบด้วย
1. บูรณาการข้อมูล TCG Score ของ บสย. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามนโยบาย กระทรวงการคลัง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ SMEs รายย่อย คนตัวเล็ก ที่มีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อ สามารถเข้าถึง สินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น และมีต้นทุนทางการเงินสอดคล้องกับระดับความเสี่ยง
2. ยกระดับสำนักงานเขต บสย. 11 แห่งทั่วประเทศ ก้าวสู่ “ศูนย์กลางทางการเงิน” (Digital Branch in Branch) เชื่อมต่อกับสถาบันการเงินต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
3. พัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ (Specific Segment Guarantee) จากปัจจุบัน บสย. มี ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นตามกลุ่มลูกค้า (Product by Segment) 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากพิษ เศรษฐกิจต่างๆ, กลุ่มที่ต้องการเงินลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ, กลุ่มเปราะบาง พ่อค้า แม่ค้า Startup, ธุรกิจที่ปรับตัวเข้า สู่สังคมคาร์บอนต่ำ และกลุ่มที่ต้องการเช่าซื้อรถกระบะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน
จากนี้จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ค้ำประกันสินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการ SMEs ในกลุ่มต่างๆ อย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะทำให้ บสย. เป็นกลไก ค้ำประกันหลัก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของ SMEs ได้อย่างแท้จริง
4. เดินหน้าแก้หนี้ “กลุ่มเปราะบาง” สำหรับลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลม เงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท ผ่าน มาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” หรือ มาตรการ 3 สี “ม่วง เหลือง เขียว” เน้นยืดระยะเวลาการผ่อนชำระ ตัดเงินต้น เพิ่มขึ้น พร้อมลดต้นสูงถึง 30% เพื่อช่วยกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย Micro SMEs พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ สามารถปลดหนี้ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น