นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า ปัจจุบันมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” มีวงเงินค้ำประกันรวม 3,700 ล้านบาท มาพร้อมสิทธิประโยชน์ ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก ส่วนปีที่ 4-7 คิดค่าธรรมเนียมค้ำประกันต่ำเพียง 1.5% ต่อปี ของภาระหนี้ค้ำประกันในแต่ละปี พร้อมค้ำประกันสูงสุด 7 ปี หรือ 84 งวด วงเงินค้ำประกันสูงสุด 1.5 ล้านบาทต่อราย
“ตั้งเป้ามาตรการนี้จะช่วย “ปลดล็อก” SMEs ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ทั้งช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวม”
นายสิทธิกร กล่าวว่า หลังจากมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ขยายเวลาค้ำประกันออกไปอีก 1 ปี ต่างได้รับเสียงตอบรับจากลีสซิ่งกลุ่มกระบะ ทั้งลีสซิ่งของค่ายรถยนต์ (Captive Finance) และลีสซิ่ง ที่เป็นบริษัทลูกของสถาบันการเงิน
ซึ่งปัจจุบัน บสย. ค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อผู้ให้บริการทั้งจากสถาบันการเงินและกลุ่มลีสซิ่ง รวม 8 แห่ง ประกอบด้วย
นายธีรชาติ จิรจรัสพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ในนามของประธานคณะทำงานสินเชื่อรถยนต์ ภายใต้สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า การต่ออายุโครงการ ‘กระบะพี่ มีคลังค้ำ’ เป็นความร่วมมือที่ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถสนับสนุน SMEs และเกษตรกรได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้าถึงสินเชื่อเช่าซื้อที่เป็นหัวใจสำคัญของผู้ประกอบการจำนวนมาก
โดยบทบาทของ บสย. มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงด้านเครดิตของธนาคาร ทำให้ธนาคารสมาชิกสามารถปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพได้เพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้กลุ่ม SMEs กลุ่มเปราะบาง มีโอกาสในการเข้าถึงรถกระบะเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ ช่วยเสริมทั้งรายได้และศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย
“คณะทำงานฯ เห็นความสำคัญของความร่วมมือกับ บสย. ในครั้งนี้ และพร้อมสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคการเงินในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและตลาดรถยนต์ให้เติบโตเข้มแข็ง และยั่งยืน”