ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 11 ธนาคารแจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรสุทธิรวม 66,236 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และงวดครึ่งแรกปี 68 มีกำไรสุทธิ 134,506 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน รายได้จากการดําเนินงานอื่นๆ ภายใต้การบริหารค่าใช้จ่าย ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลง
ขณะเดียวกันธนาคารหลายแห่ง มีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น(ECL) ลดลง 6.7% จากการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ประกอบกับผลพวงจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต่อเนื่องเช่น โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ส่งให้ความสามารถในการชำระหนี้ดีขึ้น และป้องกันลูกหนี้ไหลเป็น Stage2 และ Stage3
ธนาคารที่มีกำไรสุทธิงวดครึ่งปีเพิ่มขึ้นสูงสุด นำโดย ธนาคาร ไทยเครดิต(CREDIT) กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 44.0% ถัดมาคือบมจ.แอลเอชไฟแนนซ์เชียลกรุ๊ป(LHFG) 25.8% ธนาคาร กรุงเทพ(BBL) 9.5% บมจ.เอสซีบีเอกซ์ (SCB) 18.7% ธนาคาร เกียรต์นาคินภัทร (KKP) 8.6% และธนาคาร กรุงศรีอยุธยา(BAY) 0.5%
อย่างไรก็ตาม แม้ครึ่งแรกปี 2568 ธนาคารทั้ง 11 แห่ง ตั้งสำรอง ECL โดยรวมจำนวน 1.13 แสนล้านบาทปรับลดลง 6.7% จาก 1.21 แสนล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ไส้ในพบว่า ธนาคาร 4 แห่งยังให้ความสำคัญในการตั้งสำรอง ECL เพิ่มขึ้น
เห็นได้จากธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทยสำรอง ECL 1,981 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 86.1% ธนาคาร ทิสโก้ 944.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.0% ธนาคาร กรุงเทพ 19,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% และธนาคาร กรุงไทย 16,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7%
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองต่อสินเชื่อ (Credit cost) ณ ไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 1.59% ขยับเพิ่มขึ้นจาก 1.50% ในไตรมาสแรก และมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบสูงต่อเนื่อง
จากปัจจัยท้าทายในครึ่งปีหลังของธนาคารทั้งระบบคือ การบริหารจัดการหนี้จัดชั้น การปรับโครงสร้างหนี้ก่อนและหลังเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อจึงส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้
สำหรับสินเชื่อที่ต้องดูแลใกล้ชิดยังเป็นสินเชื่อ SMEs กับสินเชื่อรายย่อย ทั้งสินเชื่อบ้านและสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีและไม่มีหลักประกัน ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อนั้น ส่วนใหญ่เป็นหนี้จัดชั้นที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM)
ทั้งนี้จากงบแบงก์ 9แห่ง พบว่า ไตรมาส2/68 NPL ratio อยู่ที่ 3.16% ขยับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 3.14% และเพิ่มขึ้นจาก 3.05% เมื่อไตรมาส 4 ปีที่แล้ว สะท้อนการปรับเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอลอย่างต่อเนื่อง แม้หลายธนาคารสามารถจัดการปัญหาเอ็นพีแอลได้
“ช่วงครึ่งปีหลังความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจค่อนข้างชัด ปลายปีจะเห็นเอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ 28แห่ง น่าจะขยับขึ้นเข้าใกล้กรอบบนประมาณการที่เคยมองไว้ที่ 2.97% เทียบกับปลายปีที่แล้วอยู่ที่ 2.70% โดยมีโอกาสที่จะเห็นเอ็นพีแอลเกิดใหม่และ Re-entry ดังนั้น แนวโน้มครึ่งปีหลัง แบงก์ทั้งระบบยังต้องพยายามอย่างหนัก เพื่อจัดการปัญหาคุณภาพหนี้”
นอกจากนั้น แนวโน้มส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) มีโอกาสไหลต่อในครึ่งปีหลังอีก 2ไตรมาส จาก NIM ที่เคยสูงในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของดอกเบี้ยในระบบ และการลดดอกเบี้ยช่วยลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการคุณสู้ เราช่วย ประกอบกับสินเชื่อที่ยังฟื้นตัวช้า โดยมองภาพรวมปี 2568 สินเชื่อยังมีโอกาสหดตัว โดยติดลบ 0.6% ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่อง 2 ปี
นางสาวกาญจนากล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าดูงบแบงก์ไตรมาส 2/68 ยังมีกำไร แต่กำไรลดลงจากไตรมาสแรก สาเหตุจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากระทบธุรกิจหลักของธนาคาร ทำให้รายได้ดอกเบี้ยลดลง ไม่ว่าดอกเบี้ยในประเทศปรับลดลง หรือสินเชื่อที่หดตัวในหลายไตรมาส และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ที่เข้าโครงการคุณสู้ เราช่วย
รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่ลดลง ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงกระทบค่าธรรมเนียมเกือบทุกหมวด นอกจากนี้ไตรมาสสองเทียบไตรมาสแรกกำไรสุทธิลดลงจากค่าใช้จ่ายตั้งสำรองเพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนภาวะเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง
ส่วนครึ่งแรกปี 68 กำไรสุทธิแบงก์ขยับเป็นบวก ส่วนหนึ่งมาจากอานิสงก์ของการตั้งสำรอง ECLที่ผ่านมา และมองไปข้างหน้าแบงก์ยังตั้งค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรอง ECLสูงขึ้น เพราะมีความไม่แน่นอนในอนาคตและครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงมากขึ้น น่าจะกระทบความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้ต่องวด ซึ่งอาจทำให้ลูกหนี้ที่เคยปรับโครงสร้างไหลย้อนกลับมาเป็นเอ็นพีแอล (Re-entry) ชัดขึ้น
“จากที่เห็นสัญญาณ Re-entry ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาแล้ว ดังนั้นช่วงปลายปี (ทั้งไตรมาส 3-4) มีโอกาสจะเห็นทั้งลูกหนี้ Re-entry และผสมกับเอ็นพีแอลรายใหม่ด้วย” นางสาวกาญจนากล่าวทิ้งท้าย
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,116 วันที่ 24 - 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2568